A comparative study of physical health mental health and cognitive intelligence between hearing-impaired students and normal hearing students in secondary school

รศึกษาเปรียบเทียบสุขภาพกาย สุขภาพจิต และเชาวน์ปัญญาของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยินกับนักเรียนที่มีการได้ยินปกติระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น

Name: Alisa Suppamong

MeSH: Deafness -- psychology

MeSH: Hearing Impaired Persons

LCSH: Hearing impaired -- Mental health

Abstract: This cross-sectional survey aimed to study and compare the physical health, mental health, and cognitive intelligence of 39 hearing impaired students with that of 140 normal hearing students in secondary school, from ages 12-15 in Bangkok and its perimeter. Data was collected from the Health and Sexual Development Self- Assessment (adjusted from the Adolescent Health Record Form of the Clinic for Teens, Queen Sirikit National Institute of Child Health), The Strength & Difficulties Questionnaire (SDQ): the impact supplement for self-completion by 11-16 year olds version, and the Test of Nonverbal Intelligence: third edition (TONI-III). The percentage, mean, standard deviation, and t-test for two independent samples were used for analysis. It was found that the weight and height of hearing impaired students and normal hearing students did not differ. For the issue of sexual development, it was found that the first occurrence of wet dreams for male students were significantly different (P=.05), while the age of menarche was not significantly different. From studies of Male Tanner Stage, Female Breast Stage, and Female Pubic Hair Stage, the results showed a tendency of delayed puberty among hearing impaired students. The study found that emotional symptoms, conduct problems, and hyperactivity/inattention of hearing impaired and normal hearing students were not different. But peer relationship problems, pro-social behavior, and total difficulties score were significantly different (P=.05). The results also showed that IQ scores of hearing impaired and normal hearing students were significantly different (P=.05). From the results of the study, it is suggested that there should be further clinical study to describe physical and sexual development in hearing impaired students. Furthermore, additional studies about the relationship among various factors such as child rearing, family communication and relationship, social environment, and technological innovation for the hearing impaired should be undertaken to provide support so that they can increasingly develop and maintain their future circumstances with more self-reliance.

Abstract: การศึกษาครั้งนี้ เป็นงานวิจัยเชิงสำรวจ เพื่อประเมินและเปรียบเทียบ สุขภาพกาย สุขภาพจิต และ เชาวน์ปัญญาของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน กับนักเรียนที่มีการได้ยินปกติ ในระดับมัธยมศึกษา ตอนต้น อายุระหว่าง 12-15 ปี จำนวนทั้งสิ้น 39 คนและ 140 คนตามลำดับ เก็บข้อมูลโดยใช้แบบประเมินสุขภาพ ร่างกายและพัฒนาการทางเพศ (ดัดแปลงจากแบบตรวจร่างกายวัยรุ่น คลินิกเพื่อนวัยทีน สถาบันสุขภาพเด็ก แห่งชาติมหาราชินี), แบบประเมินพฤติกรรมเด็ก SDQ ฉบับเด็กประเมินตนเอง และ แบบทดสอบเชาวน์ปัญญา TONI-III (Test of Nonverbal Intelligence: third edition) ผู้วิจัยเก็บข้อมูลด้วยตนเอง และเก็บข้อมูลผ่านล่ามภาษา มือ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ และ t-test independence ผลการศึกษาพบว่า นักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยินกับนักเรียนที่มีการได้ยินปกติมีน้ำหนัก และส่วนสูงไม่แตกต่างกัน ด้านพัฒนาการทางเพศ นักเรียนชายกลุ่มตัวอย่างมีอายุเมื่อมีฝันเปียกครั้งแรกแตกต่าง กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (.05) นักเรียนหญิงมีอายุเฉลี่ยเมื่อมีประจำเดือนครั้งแรกไม่แตกต่างกัน และจาก การศึกษา Male Tanner Stage, Female Breast Stage และ Female Pubic Hair Stage พบแนวโน้มการเข้าสู่วัยรุ่นช้า ในนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน ด้านสุขภาพจิต พบว่ากลุ่มตัวอย่างมี Emotional Symptoms, Conduct Problems และ Hyperactivity/Inattention ไม่แตกต่างกัน แต่มี Peer relationship Problems, Pro-social Behavior และ Total Difficulties Score แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (.05) และมีระดับเชาวน์ปัญญาแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (.05) เช่นกัน จากการศึกษาครั้งนี้ มีข้อเสนอแนะว่า นอกจากด้านจิตใจ และเชาวน์ปัญญา ซึ่งมีการศึกษาไม่มาก นักในประเทศไทยแล้ว ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมทางการแพทย์ เพื่ออธิบายพัฒนาการทางร่างกายและพัฒนาการ ทางเพศให้ชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งการศึกษาความสัมพันธ์กับปัจจัยด้านอื่นๆ เช่น การอบรมเลี้ยงดู การสื่อสาร สัมพันธภาพในครอบครัว สภาพแวดล้อมทางสังคม รวมทั้งนวัตกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้ การ ดำเนินชีวิต และเพื่อนำไปใช้เป็นประโยชน์ในการกำหนดนโยบาย เพื่อส่งเสริมให้เด็กกลุ่มนี้ได้รับการพัฒนา อย่างรอบด้านต่อไป

Mahidol University. Mahidol University Library and Knowledge Center

Address: NAKHONPATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Dalapat Yossatorn

Role: Thesis Advisors

Created: 2009

Modified: 2020-11-03

Issued: 2010-07-28

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: TH A413c 2009

eng

DegreeName: Master of Science

Level: Master's Degree

Descipline: Human Development

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4937532.pdf	1.63 MB	151	2025-01-24 14:04:53

ใช้เวลา

0.255289 วินาที