Relationship of personal factors empowerment and competencies of nurse practitioners working in primary care units

ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลการเสริมสร้างพลังอำนาจและสมรรถนะของพยาบาลเวชปฏิบัติที่ปฏิบัติงานในหน่วยบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิ

Name: Monthon Thongnit

MeSH: Nurse Practitioners

MeSH: Nurse's Role

MeSH: Primary Health Care

LCSH: Nursing -- manpower

Abstract: The purpose of this correlational descriptive research was to study nurse practitioners’ competencies and factors relating to their competencies. The sample consisted of 151 nurse practitioners in primary care units in the 3rd public health region. The instruments were self-administered questionnaires consisting of question on personal data, empowerment and competencies of nurse practitioners. Data were collected by mailing during September, 2008 and analyzed by percentage, means, standard deviations, Mann-Whitney Test, and Pearson’s product-moment correlation coefficient. Results revealed that the competency of nurse practitioners was at a high level ( x = 3.88, S.D. = 0.31). The overall empowerment of nurse practitioners was at moderate level ( x = 3.47, S.D. = 0.59). There was a positive significant relationship between empowerment and competency of nurse practitioners (r = 0.34, pvalue<. 001). The findings suggest that nurse practitioners should be empowered continuously to increase their professional competence and to support their future education at higher levels in order to become advanced practice nurses.

Abstract: การวิจัยครั้งงนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคล การ สร้างเสริมพลังอำนาจและสมรรถนะของพยาบาลเวชปฏิบัติที่ปฏิบัติงานในหน่วยบริการสุขภาพ ระดับปฐมภูมิ การศึกษาคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างจากรายชื่อของพยาบาลเวชปฏิบัติที่ฏิบัติงานใน หน่วยบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิในเขต 3 ประกอบด้วยจังหวัดนครสวรรค์ กำแพงเพชร พิจิตร และอุทัยธานี กลุ่มตัวอย่างเป็นพยาบาลเวชปฏิบัติจำนวน 151 คน เครื่องมือในการวิจัยประกอบด้วย แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล, การสร้างเสริมพลังอำนาจ และสมรรถนะในการปฏิบัติงานของ พยาบาลเวชปฏิบัติ เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการส่งแบบสอบถามทางไปรษณีย์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน แมนวิทนีย์ เทส และ ค่าสหสัมพันธ์ของเพียร์สัน ผลการศึกษาพบว่า สมรรถนะของพยาบาลเวชปฏิบัติที่ปฏิบัติงานในหน่วยบริการ สุขภาพระดับปฐมภูมิในเขต 3 โดยรวมอยู่ในระดับสูง ( x = 3.09, S.D. = 0.36) การเสริมสร้างพลัง อำนาจอยู่ในระดับปานกลาง ( x = 3.47, S.D. = 0.59) และมีความสัมพันธ์ทางบวกกับสมรรถนะของ พยาบาลเวชปฏิบัติ (r = 0.337, p-value<.001) จากผลการศึกษานี้มีข้อเสนอแนะว่าพยาบาลเวชปฏิบัติควรได้รับการเสริมสร้างพลัง อำนาจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้พยาบาลเวชปฏิบัติมีสมรรถนะในการปฏิบัติงานที่สูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสนับสนุนให้พยาบาลเวชปฏิบัติได้รับการศึกษาในระดับที่สูงขึ้น เพิ้อนำไปสู่ การเป็นผู้ชำนาญการในการปฏิบัติการพยาบาลขั้นสูง

Mahidol University. Mahidol University Library and Knowledge Center

Address: NAKHONPATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Usaporn Chavalitnitikul

Role: Thesis Advisors

Created: 2009

Modified: 2553-07-13

Issued: 2010-07-13

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: TH M789r 2009

eng

DegreeName: Master of Nursing Science

Level: Master's Degree

Descipline: Family Nurse Practitioner

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4637728.pdf	1.53 MB	210	2025-07-09 17:12:12

ใช้เวลา

0.224873 วินาที