A study of factors associated with varicose veins among women workers in the electronic factories

การศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดหลอดเลือดดำขอดในกลุ่มพนักงานหญิงโรงงานอิเล็กทรอนิกส์

Name: Jutarat Rakprasit

LCSH: Varicose Veins

LCSH: Women electronic industry workers -- Thailand

LCSH: Women employees -- Thailand

Abstract: This study of the factors associated with varicose veins in women workers in electronics factories was conducted with a group of female workers from two electronic factories. The research was designed as a retrospective by case-control study. The study comprised 82 women with varicose veins and 164 women in a control group who did not have varicose veins or other venous diseases. The methodology of this study was designed as a matching technique between the case and control groups. Each case was matched with the controls who did not have a difference of more than 3 years of age. Physical examinations were performed by specialized physicians in order to determine the status of the varicose veins. Self-administered questionnaires used in this study consisted of two types : questionnaires related to factors associated with varicose veins; and questionnaires related to symptoms and signs of varicose veins. The results of this study revealed that the prevalence rate of varicose veins was 32.99% (27.99%-37.99%). Most were primary varicose veins with a severity of level one. However, the results of symptoms and signs from the questionnaires showed that there was a positive correlation between frequency, feeling and interference with their work activities. In order to control the other influencing factors, logistic regression was used to find the significant influencing factors. These included working posture, a family history of varicose veins, whether the women had had more than one child, and whether they tended to lift heavy weights. The result of this study suggests that information about risk factors of varicose veins should be provided to female workers so that they can be made more aware of their health while working.

Abstract: การศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดหลอดเลือดดำขอดได้จัดทำขึ้นในกลุ่มพนักงานหญิง โรงงานอิเล็กทรอนิกส์ 2 แห่ง การศึกษานี้ได้ออกแบบการศึกษาแบบ Retrospective by case-control study กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยกลุ่มศึกษาซึ่งเป็นผู้ป่วยหลอดเลือดดำขอด 82 คน และกลุ่มควบคุมที่ไม่ เป็นโรคหลอดเลือดดำขอดหรือโรคที่เกี่ยวข้องอื่นๆ 164 คน วิธีการที่ใช้ศึกษาคือใช้เทคนิคการจับคู่ ระหว่างกลุ่มศึกษาและกลุ่มควบคุมที่มีอายุแตกต่างกันไม่เกิน 3 ปี ผู้ที่เข้าร่วมการศึกษาได้ถูกตรวจร่างกาย เพื่อตรวจหาภาวะหลอดเลือดดำขอดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ส่วนการตอบแบบสอบถามซึ่งให้พนักงาน กรอกเองประกอบด้วยแบบสอบถาม 2 แบบสอบถามคือ แบบสอบถามเกี่ยวกับปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ใน การเกิดหลอดเลือดดำขอด และแบบสอบถามเกี่ยวกับอาการและอาการแสดงของหลอดเลือดดำขอด ผลการศึกษาพบว่าอัตราความชุกของหลอดเลือดดำขอดเท่ากับร้อยละ 32.99 (ร้อยละ 27.99-37.99) ซึ่งทั้งหมดเป็นหลอดเลือดดำขอดชนิดปฐมภูมิและส่วนใหญ่มีความรุนแรงระดับที่ 1 ส่วนผลการ วิเคราะห์แบบสอบถามเกี่ยวกับอาการและอาการแสดงพบว่า มีความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างความถี่ ความรู้สึก และการรบกวนกิจวัตรประจำวันหรือการทำงานกับอาการและอาการแสดงต่างๆจากการเกิด หลอดเลือดดำขอด ผลการวิเคราะห์โดยสถิติ Logistic regression เพื่อควบคุมอิทธิพลของปัจจัยอื่นๆ พบปัจจัยที่มีอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติและมีอิทธิพลสูงสุดในการเกิดหลอดเลือดดำขอดคือ ท่าทางใน การทำงาน รองมาคือ การที่มีประวัติการเกิดหลอดเลือดดำขอดของคนในครอบครัว การมีบุตรมากกว่า 1 คน และการยกของหนักในขณะทำงาน ตามลำดับ ข้อเสนอแนะจากการศึกษานี้คือควรนำความรู้เกี่ยวกับปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเกิดหลอดเลือดดำขอดไป ให้พนักงานหญิงทราบเพื่อจะได้ระมัดระวังสุขภาพในการทำงาน

Mahidol University

Address: NAKHONPATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Chompusakdi Pulket

Role: Thesis Advisors

Created: 2008

Modified: 2553-06-22

Issued: 2010-06-16

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: TH J96s 2008

eng

Spatial: Thailand

DegreeName: Master of Science

Level: Master's Degree

Descipline: Industrial Hygiene and Safety

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4836068.pdf	2.55 MB	40	2019-08-21 19:03:32

ใช้เวลา

0.377274 วินาที