Relationships between selected factors, uncertainty in illness and parturition, social support and fear of childbirth among high-risk primiparous women

ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยคัดสรร ความรู้สึกไม่แน่นอนในความเจ็บป่วยและการตั้งครรภ์ แรงสนับสนุนทางสังคม กับความกลัวการคลอดบุตรของหญิงตั้งครรภ์แรกที่มีภาวะเสี่ยงสูง

Name: Poonsab Lapchem

LCSH: Childbirth

LCSH: Fear -- psychology

MeSH: Factor

MeSH: Uncertainty

MeSH: Social Support

MeSH: Pregnancy

MeSH: Parturition

Abstract: This study is descriptive research which aimed at investigating the relationship between selected factors, uncertainty in illness and parturition, social support and fear of childbirth of high-risk primiparous women. Mischel’s (1988) concept of uncertainty in illness was used as the conceptual framework of the study. The study sample consisting of 150 high-risk primiparous women at the antenatal clinic of Faculty of Medicine, Ramathibodi Hospital, Mahidol University and at the antenatal clinic of Rajvithee Hospital.were recruited by means of purposive sampling. Data collection took place during May – August, 2006. The data collection instruments consisted of four questionnaires—the demographic characteristics questionnaire, the Norbeck social support questionnaire (NSSQ), the uncertainty in illness and parturition scale, and The Fear of Childbirth Questionnaire. Data were analyzed using the SPSS for Windows program version 11.5. The study findings revealed that the mean age of the primiparous women was 23.39 years, and more than half, or 58%, were younger than 20 years old. Most of them, or 88%, completed secondary education or lower. The highest level of education was a master’s degree, while the lowest level of education was elementary education. In addition, it was found that the primiparous women had a rather low level of social support ( x = 106.85; SD = 47.27). As regards uncertainty in parturition, primiparous women had a rather high level of uncertainty in parturition ( x = 91.61; SD = 10.21), with ambiguity of sickness at the highest level. Also, they had a rather high level of fear of childbirth ( x = 43.0; SD = 13.76), with fear for the fetus’ health at the highest level. Finally, the findings indicated that social support and educational background could explain the variance of uncertainty in parturition by 12% with statistical significance (r2 = .120, p < .05), and uncertainty in parturition could explain the variance of fear of childbirth by 10.5% with statistical significance (r2 = .105, p < .001). Based on the findings, nurses should assess educational, social support, uncertainty in illness and parturition and fear of childbirth of primiparous women who are nearing in labor so that necessary information regarding labor process and highrisk pregnancy can be provided to increase their knowledge and understanding. In doing so, it is believed that uncertainty in parturition and fear of childbirth of primiparous women could be reduced.

Abstract: การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงบรรยาย เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยคัดสรร ความรู้สึกไม่ แน่นอนในความเจ็บป่วยและการตั้งครรภ์ แรงสนับสนุนทางสังคม กับความกลัวการคลอดบุตรในหญิงตั้งครรภ์ แรกที่มีภาวะเสี่ยงสูง จำนวน 150 ราย โดยใช้กรอบแนวคิดของความรู้สึกไม่แน่นอนในความเจ็บป่วย ของมิเชล (Mishel, 1988) เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง ที่มารับการฝากครรภ์ ณ โรงพยาบาลรามาธิบดี และ โรงพยาบาลราชวิถี ระหว่างเดือนพฤษภาคม ถึง เดือนสิงหาคม 2549 เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม 4 ชุด คือ แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล แบบวัดการสนับสนุนทางสังคม แบบสอบถามความรู้สึกไม่แน่นอนในความ เจ็บป่วยและการตั้งครรภ์ และแบบวัดความกลัวการคลอดบุตร วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป SPSS for window Version 11.5 ผลการศึกษาพบว่า หญิงตั้งครรภ์แรกที่มีภาวะเสี่ยงสูงมีอายุเฉลี่ย 23.39 ปี โดยร้อยละ 58 มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ระดับการศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาหรือต่ำกว่า (ร้อยละ 88) ระดับการศึกษาสูงสุดคือปริญญาโท และต่ำสุด คือประถมศึกษา หญิงตั้งครรภ์แรกที่มีภาวะเสี่ยงสูงมีแรงสนับสนุนทางสังคมค่อนข้างต่ำ ( x = 106.85, SD = 47.27) ความรู้สึกไม่แน่นอนในความเจ็บป่วยและการตั้งครรภ์สูงกว่าค่าเฉลี่ย ( x = 91.61, SD = 10.21) โดยมี ความรู้สึกไม่แน่นอนในความเจ็บป่วยและการตั้งครรภ์ด้านความคลุมเครือเกี่ยวกับความเจ็บป่วยมากที่สุด กลุ่ม ตัวอย่างมีความกลัวการคลอดบุตรสูงกว่าค่าเฉลี่ย ( x = 43.06, SD = 13.76) โดยมีความกลัวเกี่ยวกับความ แข็งแรงของสุขภาพทารกมากที่สุด และพบว่าแรงสนับสนุนทางสังคมร่วมกับระดับการศึกษา สามารถอธิบาย ความแปรปรวนของความรู้สึกไม่แน่นอนในความเจ็บป่วยและการตั้งครรภ์ของหญิงตั้งครรภ์แรกที่มีภาวะเสี่ยงสูง ได้ร้อยละ 12 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r2 = .120, p < .05) ซึ่งความรู้สึกไม่แน่นอนในความเจ็บป่วยและการ ตั้งครรภ์นี้สามารถอธิบายความแปรปรวนของความกลัวการคลอดบุตรของหญิงตั้งครรภ์แรกที่มีภาวะเสี่ยงสูงได้ ร้อยละ 10.5 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r2 = .105, p < .001) จากผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าพยาบาลควรประเมินระดับการศึกษาแรงสนับสนุนทางสังคม ความรู้สึกไม่ แน่นอนในความเจ็บป่วยและการตั้งครรภ์ และความกลัวการคลอดของหญิงตั้งครรภ์เมื่อเข้าสู่ระยะใกล้คลอด เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการคลอด และภาวะเสี่ยงที่เกิดขึ้นให้หญิงตั้งครรภ์ได้รับรู้และเข้าใจเพื่อช่วยในการ ลดลดความรู้สึกไม่แน่นอนในความเจ็บป่วยและการตั้งครรภ์และความกลัวการคลอดบุตรที่เกิดขึ้นในช่วงใกล้ คลอดได

Mahidol University

Address: NAKHON PATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Srisamorn Phumonsakul

Role: Thesis Advisors

Created: 2007

Modified: 2553-06-18

Issued: 2010-06-11

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

TH P822r 2007

eng

DegreeName: Master of Nursing Science

Level: Master's Degree

Descipline: Maternity and Newborn Nursing

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4736721.pdf	1.44 MB	247	2025-01-22 00:30:14

ใช้เวลา

0.272777 วินาที