The effects of music on pain and physiological responses in school-aged children during post open-heart surgery

ผลของดนตรีต่อความเจ็บปวดและการตอบสนองทางสรีรวิทยาในเด็กวัยเรียนภายหลังผ่าตัดหัวใจแบบเปิด

Name: Nantaporn Settakonnukoon

LCSH: Exercise

LCSH: Music Therapy

LCSH: Parkinson Disease

ThaSH: เด็กก่อนวัยเรียน

ThaSH: การออกกำลังกาย -- เด็กก่อนวัยเรียน

ThaSH: โรคพาร์คินสัน -- เด็กก่อนวัยเรียน

Abstract: The purpose of this quasi-experimental research was to determine the effects of music on pain and physiological responses in school-aged children during post openheart surgery. The framework of this study was based on the concept of the Gate control theory and Endogenous theory. The samples were 26 school-aged children, aged 6 to 12 years old, who underwent open-heart surgery and were admitted at the pediatric intensive care unit, Queen Sirikit National Institute of Child Health during a nine-month period. The samples were selected by purposive sampling and weekly random assigned to the control group (n = 13) or the experimental group (n = 13). The control group received the usual care, whereas the experimental group received the music and the usual care. The data collection instruments included the demographic data form, the vital signs and pain medication sheet, and the modified Sheffield Children’s Hospital Pain Assessment Tool. The physiological responses were measured by bedside monitoring of Hewlett Packard. Two-way analysis of variance with repeated measure on one factor was used to compare the difference of pain score and physiological responses. Fisher’s exact probability test was used to compare pain medication used between the control and the experimental groups in school-aged children during post open-heart surgery. It was found that the mean pain score for the control group was significantly higher than the experimental group (p< .001). The mean heart rate, systolic arterial blood pressure, and diastolic arterial blood pressure showed no statistically significant difference (p> .05) between the two groups. The effect of time on the mean heart rate was statistically significant (p < .05) for both groups. The mean pain score, systolic arterial blood pressure, and diastolic arterial blood pressure had no statistical significance (p> .05) between the two groups. In the intervention group, time had an effect on the mean pain score, heart rate, systolic arterial blood pressure, and diastolic arterial blood pressure but it was not significant (p> .05) between the two groups. The pain medication used on the control and the experimental groups had no statistical significance (p> .05). The findings of this study showed that the effectiveness of the music could reduce pain for school-aged children with post open-heart surgery. This could be used in nursing practice for postoperative pediatric patients.

Abstract: การวิจัยกึ่งทดลองครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของดนตรีต่อความเจ็บปวด และการตอบสนอง ทางสรีรวิทยาในเด็กวัยเรียนภายหลังผ่าตัดหัวใจแบบเปิด โดยใช้ทฤษฎีการควบคุมประตู และทฤษฎีควบคุม ความเจ็บปวดภายในเป็นกรอบแนวคิดในการศึกษา กลุ่มตัวอย่างเป็นเด็กวัยเรียนอายุ 6-12 ปีภายหลังผ่าตัด หัวใจแบบเปิดเข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤตเด็กสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีในช่วงเวลา 9 เดือน คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้ 26 ราย สุ่มกลุ่มตัวอย่างเป็นรายสัปดาห์แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มควบคุมจะได้รับการพยาบาลตามปกติ 13 ราย และกลุ่มทดลองได้รับดนตรีร่วมกับการพยาบาลตามปกติ 13 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล แบบบันทึกสัญญาณชีพ และยาบรรเทาความเจ็บปวด ประเมินความเจ็บปวดโดยใช้แบบประเมินความปวดของโรงพยาบาลเชฟฟิลล์ และการตอบสนองทางสรีรวิทยาวัดโดยเครื่องติดตามสัญญาณชีพ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยาย และ ศึกษาผลของดนตรี ระยะเวลา และปฏิสัมพันธ์ของกลุ่มและระยะเวลาต่อความเจ็บปวดและการตอบสนองทาง สรีรวิทยาระหว่างกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลองด้วยสถิติวิเคราะห์ความแปรปรวนสองทางแบบวัดซ้ำ 1 ปัจจัย และเปรียบเทียบความแตกต่างของการได้รับยาบรรเทาความเจ็บปวด ระหว่าง 2 กลุ่มด้วยการทดสอบสถิติไคส แควร์แบบฟิชเชอร์ ผลการวิจัยพบว่าดนตรีส่งผลต่อความเจ็บปวดโดยค่าเฉลี่ยคะแนนความเจ็บปวดทั้งสองกลุ่มแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 ค่าเฉลี่ยของอัตราการเต้นหัวใจ ความดันโลหิตทางหลอดเลือดแดงซิสโต ลิก และความดันโลหิตทางหลอดเลือดแดงไดแอสโตลิกทั้งสองกลุ่มไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .05 ระยะเวลาส่งผลต่อค่าเฉลี่ยอัตราการเต้นหัวใจอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ค่าเฉลี่ยคะแนน ความเจ็บปวด ความดันโลหิตทางหลอดเลือดแดงซิสโตลิก และความดันโลหิตทางหลอดเลือดแดงไดแอสโตลิก ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ทั้งสองกลุ่ม ไม่มีปฏิกิริยากลุ่มและระยะเวลามีผลต่อ ค่าเฉลี่ยคะแนนความเจ็บปวด อัตราการเต้นหัวใจ ความดันโลหิตทางหลอดเลือดแดงซิสโตลิก และความดัน โลหิตทางหลอดเลือดแดงไดแอสโตลิกไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ระหว่างกลุ่ม ควบคุมและกลุ่มทดลอง และพบว่ากลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลองได้รับยาบรรเทาความปวดไม่มีความแตกต่าง กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ผลการศึกษาแสดงถึงประสิทธิภาพของดนตรีว่าสามารถลดความเจ็บปวดในเด็กวัยเรียนภายหลังผ่าตัด หัวใจแบบเปิด สามารถนำผลการศึกษาในครั้งนี้ใช้ในการดูแลในกลุ่มผู้ป่วยนี

Mahidol University

Address: NAKHON PATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: ศุภร วงศ์วทัญญู

Role: Thesis Advisors

Created: 2007

Modified: 2553-06-18

Issued: 2010-06-11

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: TH N191e 2007

eng

DegreeName: Master of Nursing Science

Level: Master's Degree

Descipline: Pediatric Nursing

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4736731.pdf	2.25 MB	136	2024-10-03 14:32:13

ใช้เวลา

0.29131 วินาที