The contribution of breakfast to nutrient intakes of thai school-aged children : case study in basic education commission ‪(BEC)‬ area 3

การศึกษาปริมาณพลังงานและสารอาหารที่เด็กไทยวัยเรียนได้รับจากอาหารมื้อเช้า : กรณีศึกษาเขตพื้นที่การศึกษา 3

Name: Jureeporn Nounmusig

LCSH: Children -- Nutrition

LCSH: School children -- Food -- Thailand

LCSH: Child Nutrition -- Thailand

Abstract: Breakfast has been described as the most important meal of the day, contributing substantially to daily nutrient intake and energy needs, particularly for children. This study aims to assess the contribution of breakfast to nutrient intakes and breakfast eating patterns of school-aged children. A school-based dietary survey, using 3-days food record, was carried out in 914 children who were studying in 15 primary schools (grade 5th-6th) in Bangkok. The survey included a breakfast eating pattern questionnaire, 3-d food records collected during the period November 2006-June 2007. Overall, 2.7% and 3.8% of the children skipped breakfast on weekdays and weekends, respectively. On weekdays, 59.9% and 47.7% of children were skipping breakfast because they were not hungry and did not have time or wake up late, respectively. The regularity of breakfast consumption was associated with school size, school administrative commission, parents’ education, transportation and place of breakfast eaten. More than half of the children (58.4%) chose a single plate dish and the most common choice was rice porridge (rice gruel cooked with soup); about 36.2% chose rice with side dishes. Furthermore about 66.5% and 23.3% of children had breakfast at home and at school, respectively. There was no difference in breakfast eating patterns and places of breakfast eaten between sexes. Daily energy intakes contributed about 74% RDA, whereas protein intake was about 113% RDA. Daily intakes of vitamin A, vitamin C, iron and calcium were not enough for requirement (less than 67% RDA). Thiamine and riboflavin were reasonably good (more than 100% RDA). For breakfast, average energy intake was 351 kcal, which contributed about 21% of RDA and accounted for 28.4% of daily energy intakes. In addition, only 21.6% of children received > 25 % RDA of energy from breakfast. For micronutrient, breakfast contributed about one-third of daily intakes for vitamin A, thiamine, riboflavin and calcium, and slightly less for vitamin C and dietary fiber. The results of this research about breakfast consumption on health, academic and psychosocial performance should be distributed, especially among school-aged children.

Abstract: อาหารมื้อเช้าถือว่าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด หลังจากที่ร่างกายอดอาหารมาตลอดคืน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเด็กวัยเรียน การไม่รับประทานอาหารเช้าจะมีผลต่อการรับรู้ ความจำ สมาธิ ในการเรียน และอารมณ์ การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิง สำรวจในเด็กชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 และ 6 จำนวน 914 คน ในเขตกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่พฤศจิกายน 2006-มิถุนายน 2007 โดยสุ่มเลือกโรงเรียนให้ครอบคลุมโรงเรียนขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ ในสัดส่วนที่เท่ากัน และคำนึงถึงสัดส่วนจำนวน โรงเรียนในแตละสังกัดการศึกษา โดยเก็บข้อมูลทั่วไป แบบแผนการบริโภคอาหารเช้า และข้อมูลการบริโภคอาหาร 3 วัน (วันเปิดเรียน 2 วัน, วันหยุด 1 วัน) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงพฤติกรรมและแบบแผนการบริโภคอาหารเช้า รวมทั้ง ปริมาณพลังงานและสารอาหารที่เด็กวัยเรียนได้รับจากมื้อเช้า ผลการศึกษาพบว่าในวันเปิดเรียนร้อยละ 2.7 ของนักเรียนไม่รับประทานอาหารเช้าเลย ในขณะที่ร้อยละ 58.0 ของ นักเรียนได้รับอาหารเช้าทุกวัน ส่วนในวันหยุดเรียนนั้นพบว่าร้อยละ 3.8 ไม่ได้กินอาหารเช้าเลย เหตุผลที่นักเรียนไม่ รับประทานอาหารเช้า คือ ไม่รู้สึกหิว (59.9%, 57.9%) และไม่มีเวลา/ตื่นสาย (47.7%, 51.5%) ในวันเปิดเรียนและวันหยุด เรียนตามลำดับ ซึ่งปัจจัยที่มีผลต่อการบริโภคอาหารเช้า คือสังกัดการศึกษา, ขนาดโรงเรียน, การเดินทางจากบ้านมา โรงเรียน, การศึกษาของผู้ปกครอง และสถานที่ที่กินอาหารเช้า ส่วนแบบแผนการบริโภคอาหารเช้าพบว่าเด็กส่วนใหญ่ รับประทานอาหารจานเดียว (58.4%) และข้าวราดแกง (36.2%) โดยอาหารจานเดียวพวกโจ๊ก/ ข้าวต้มจะเป็นที่นิยมมาก ที่สุด โดยเด็กส่วนใหญ่กินอาหารเช้าที่บ้าน (66.5%) และโรงเรียน (23.3%) นักเรียนได้รับพลังงานและโปรตีนประมาณ 74 และ 114 %RDA ตามลำดับ โดยวิตามินเอ, วิตามินซี, เหล็ก, แคลเซียม และไฟเบอร์ได้รับในปริมาณที่ไม่เพียงพอ (< 67% RDA) ในขณะที่วิตามินบี1 และบี2 เด็กได้รับในปริมาณที่เพียงพอ สำหรับมื้อเช้าเด็กได้รับพลังงานประมาณ 351 กิโลแคลอ รี่ คิดเป็น 21% ของ RDA และ 28.4% ของพลังงานที่ได้รับใน 1 วัน และการกระจายพลังงานของ คาร์โบไฮเดรต : โปรตีน : ไขมัน = 50: 17 : 33 โดยจะมีเด็กประมาณ 21.6% ที่ได้รับพลังงานเกิน 25% RDA. ส่วนวิตามินและแร่ธาตุพบว่ามื้อเช้าเด็ก จะได้รับประมาณ 1 ใน 3 ของพลังงานทั้งวัน ยกเว้นวิตามินซีและใยอาหารที่เด็กได้รับในปริมาณน้อยมาก ซึ่งจะเห็นว่า อาหารมื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญมากสำหรับเด็ก ในส่วนของประสิทธิภาพด้านการเรียน สุขภาพ และลักษณะทางด้าน สุขภาพจิต ดังนั้นควรมีการให้ความรู้และส่งเสริมให้มีการรับประทานอาหารเช้าเป็นประจำเพิ่มขึ้น

Mahidol University

Address: NAKHON PATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Prapaisri P. Sirichakwal

Role: Thesis Advisor

Created: 2007

Modified: 2553-06-29

Issued: 2010-06-10

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: TH J95c 2007

eng

DegreeName: Master of Science

Level: Master's Degree

Descipline: Nutrition

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4836720.pdf	1.87 MB	107	2025-07-02 11:24:51

ใช้เวลา

0.293084 วินาที