ลักษณะเฉพาะทางบทเพลง : กรณีศึกษาวงดนตรีแกรนด์เอ็กซ์

The song characteristics : case study of the Grand Ex' Band

Name: ณัฐธัญ อินทร์คง

ThaSH: การวิเคราะห์เพลง

ThaSH: เพลงไทยสากล

ThaSH: วงดนตรีแกรนด์เอ็กซ์

Abstract: งานวิจัยเรื่องลักษณะเฉพาะทางบทเพลง: กรณีศึกษา วงดนตรีแกรนด์เอ็กซ์ ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิง คุณภาพ โดยอาศัยวิธีการทางด้านมานุษยดนตรีวิทยา เก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์ศิลปินผู้เป็นเจ้าของเรื่อง และ บุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งศึกษาเอกสาร และบทเพลง ข้อมูลที่ได้ทั้งหมดนำมาวิเคราะห์แยกตามวัตถุประสงค์คือ เพื่อศึกษาประวัติ ผลงาน และลักษณะเฉพาะทางบทเพลง ผลการวิจัย ผู้วิจัยแบ่งประวัติของวงดนตรีแกรนด์เอ็กซ์ออกเป็น 7 ช่วงคือ เอ็กซ์ตรีม สู่ แกรนด์เอ็กซ์ แกรนด์เอ็กซ์ วงดนตรีสตริงคอมโบ อัลบั้มแรก: อัลบั้มสร้างประวัติศาสตร์ ต้นฉบับแกรนด์เอ็กซ์: สร้างสรรค์ คำร้อง-ทำนองใหม่ เพลงลูกกรุง: ยอดจำหน่ายประวัติศาสตร์ สุดยอดผลงาน: 9 คน ตำนานแกรนด์เอ็กซ์ และ สิ้นสุดตำนานวงดนตรีแกรนด์เอ็กซ์ ผู้วิจัยพบว่าศิลปินวงดนตรีแกรนด์เอ็กซ์เป็นผู้มีความรู้ ทักษะ ความคิด สร้างสรรค์ พัฒนาการทางด้านดนตรีอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การทำงานเป็นทีมและระบบงานที่ดี ทำให้ เกิดปรากฎการณ์ใหม่ ๆ ในวงการเพลงไทยสากลได้แก่ ธุรกิจเทปคาสเซ็ทตื่นตัว การนำเพลงเก่ามาเรียบเรียงเสียง ประสานใหม่ อัลบั้มบันทึกการแสดงสดครั้งแรก ดนตรีบรรเลงประกอบการขับร้อง ใช้คำว่า “คอนเสิร์ต” มี นิตยสาร รายการวิทยุ และแฟนคลับเป็นของตัวเอง บทเพลงของวงดนตรีแกรนด์เอ็กซ์เป็นต้นแบบของ “เพลง ป๊อป” ด้วยลักษณะเฉพาะของบทเพลงที่ชัดเจนแตกต่างจากบทเพลงในอดีต มีความเป็นศิลปะเชิงพาณิชย์ที่ นำไปสู่อุตสาหกรรมดนตรี และทำให้เกิดกลุ่มวัฒนธรรมย่อย คือกลุ่มวัยรุ่นในสังคมเมือง บทเพลงที่ได้รับความนิยมส่วนใหญ่ใช้คำร้องที่มีความหมายเกี่ยวกับความรัก มีรูปแบบฉันทลักษณ์ไม่ ประณีตเท่ากับกวีนิพนธ์ ใช้ภาษาพูดในคำร้องที่สามารถสื่ออารมณ์ และความหมายได้อย่างชัดเจน บทเพลงให้ ความสำคัญกับคำร้อง ทำนองร้อง ลักษณะการร้อง และทำนองหลักในท่อนช่วงนำ ท่อนโซโล หรือท่อนลงท้าย มากกว่าการประสานเสียงของเครื่องดนตรี บทเพลงมีความยาวประมาณ 3.00 – 3.30 นาที ประโยคเพลงเป็นไป ตามทฤษฎีโครงสร้างเพลงสมัยนิยม จุดพัก การใช้คอร์ด และการดำเนินคอร์ดเป็นไปตามหลักทฤษฎีดนตรี ตะวันตก บันไดเสียง และช่วงเสียงสร้างขึ้นให้เหมาะสมกับเสียงนักร้อง ระดับเสียงของทำนองมีความสัมพันธ์กับ คอร์ด มีการใช้โน้ตนอกคอร์ดเพื่อให้ทำนองร้องรองรับและสอดคล้องกับคำร้อง มีการเลือกใช้เครื่องดนตรีไฟฟ้า เป็นหลัก เครื่องดนตรีประเภทเป่ามีบท บาทในการดำเนินทำนองหลักในท่อนโซโล ท่อนช่วงนำ ท่อนลงท้าย และ ใช้ดำเนินทำนองประกอบ หรือทำนองสอดแทรกทำนองหลัก

Abstract: A case study of the Grand Ex’ band was conducted using the qualitative by using the ethnomusicology research methodologies. The data was collected by interviewing the band’s musicians, interested persons, documents, and songs. This study aimed to study the band’s history, the musicians’ biography, and the song characteristics. The band’s history was divided into 7 sections, which consisted of (1) EXTREME TO GRAND EX’; (2) GRAND EX’ STRING COMBO BAND; (3) FIRST ALBUM WAS HISTORY; (4) ORIGINAL ALBUM: NEW PETITION AND MELODY; (5) LOOG GRUNG: CIRCULATION WAS HISTORY; (6) TOP ALBUM: 9 MANS GRAND EX’ LEGEND; AND (7) THE END ‘S GRAND EX’S LEGEND. The members of Grand Ex’ band are particularly knowledgeable, skillful, and imaginative in music and teamwork. Therefore, the Grand Ex’ band was extremely popular band during their time period. Grand Ex’ band also made a new phenomenon in the Thai Popular music circle. First, their songs were chart-toppers and pushed the cassette market ‘s rapid growth. Second, they were the very first group of people who called their show a “concert” instead of “music show”. They also released their album with karaoke. Finally, Grand Ex’ developed their own media including radio stations and magazines. The Songs of the Grand Ex’ band became an interesting model for the next generation of Thai Popular Songs because their song characteristics were extremely different from the previous generation that invented a new song style in Thailand. Moreover, the Grand Ex’ band also initiated a commercial art of the music industry and subculture in urbanize Teenager. Most of the popular song lyrics were composed about love in a style that was dissimilar to a Thai poem; however, it had the same meaning. Popular songs were combining of many parts included textures, melodies, voice-leading, voice characteristics, and melodic patterns appeared in Intro, Solo and Coda instead of instrumental‘s harmony. Generally, song‘s estimated timing is around 3.00 – 3.30 minutes. The song lyrics were produced according to a popular music structure theory, Cadence, and Chord. The Chord Progressive was generated according to Western music theory and the Scale and Voice Range were designed appropriately for the singer‘s voice. Melodies were associated with chords. Non-chords were used for supporting melody and conforming texts. Moreover, electronic instruments were mostly used in the songs. Woodwind and Brass instrumentals were played as melody in Intro, Solo, Coda by accompanying and interfering melody.

มหาวิทยาลัยมหิดล

Address: นครปฐม

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: ณรงค์ชัย ปิฎกรัชต์

Role: ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์

Created: 2551

Modified: 2553-06-22

Issued: 2553-06-10

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: วพ ณ329ล 2551

tha

DegreeName: ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: ดนตรี

Grantor: มหาวิทยาลัยมหิดล

©copyrights มหาวิทยาลัยมหิดล

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4837785.pdf	14.54 MB	490	2025-07-06 18:11:52

ใช้เวลา

-0.58156 วินาที