Microtensile bond strengths of repaired laboratory fabricated composites using different surface treatments

ความแข็งแรงไมโครเทนไซล์ของเรซินคอมโพสิตที่ใช้วิธีอ้อมภายหลังการซ่อมโดยการปรับผิววัสดุด้วยวิธีต่าง ๆ

Name: Siriluck Samorapoom

LCSH: Dentistry, Operative

MeSH: Dental Materials

MeSH: Dental Bonding -- instrumentation

LCSH: Orthodontic Appliances, Removable

Abstract: Purpose: The objective of this study was to investigate the effect of surface treatments of three laboratory fabricated composites (SR Adoro, Belle glass NG and GC Gradia) on their microtensile bond strength with the direct resin composite (Filtek Z350). Materials and methods: Four laboratory resin composite blocks of each material were fabricated and polished to 600 grit. The specimens of each laboratory resin composite were then randomly assigned into four groups and treated with one of the following methods: Group1: no surface treatment (Control); Group2: sandblast only (SA); Group3: silane only (SI); Group4: sandblast plus silane (SA+SI). Single bond 2 adhesive was applied to the treated laboratory resin composite surfaces and covered with direct resin composite (Filtek Z350). The direct resin compositelaboratory resin composite blocks were cut with cutting machine producing bars specimens (n=15), which were loaded to failure under tension in a microtensile tester. The mean microtensile bond strength was analyzed with one-way ANOVA. Results: Statistical analysis showed that the bond strength was significantly affected by surface treatment for belleGlass NG and SR Adoro, but not GC Gradia. For Adoro, group3 (SI) there were significantly lower bond strengths than group1,2,4 (p<.05). For bellGlass NG, group4 (SA+SI) there were significantly higher bond strengths than other groups (p<.05). For no surface treatment and treatment with silane only, GC Gradia showed significantly higher bond strengths than other materials (p<.05). Conclusion: Aluminum oxide sandblast followed by silane application improved the bond strength for SR Adoro. GC Gradia had a higher microtensile bond strength than belleGlass NG and SR Adoro when it had no surface treatment or had a silane surface treatment only

Abstract: วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้ เพื่อศึกษาผลของการปรับผิววัสดุด้วยวิธีการต่างๆในการซ่อม เรซินคอมพอสิตที่ใช้วิธีอ้อม 3 ชนิด ได้แก่เบลลีกลาส เอ็น จี, เอส อาร์ อะโดโร และจี ซี กราเดีย โดย เตรียมชิ้นตัวอย่างของเรซินคอมพอสิตที่ใช้วิธีอ้อมจากแบบหล่อโลหะชนิดละสี่ชิ้น หลังจากนั้นแบ่ง ชิ้นตัวอย่างในแต่ละวัสดุออกเป็นสี่กลุ่ม เพื่อนำไปทำการปรับผิววัสดุ โดยกลุ่มแรก ไม่มีการปรับผิว วัสดุ กลุ่มที่ 2 ปรับผิววัสดุด้วยการเป่าทรายเพียงอย่างเดียว กลุ่มที่สามปรับผิววัสดุด้วยสารไซเลน เพียงอย่างเดียว และกลุ่มที่สี่ปรับผิววัสดุด้วยการเป่าทรายร่วมกับทาสารไซเลน นำชิ้นตัวอย่างที่ผ่าน การปรับผิววัสดุแล้วแต่ละชิ้นทาด้วยสารเรซินบอนดิง จากนั้นอุดทับด้วยเรซินคอมพอสิตชนิดตรง นำชิ้นตัวอย่างที่ได้ไปตัดเป็นรูปร่างแท่งให้ได้ชิ้นตัวอย่างกลุ่มละสิบห้าชิ้น และนำไปทดสอบความ แข็งแรงไมโครเทนไซล์ โดยใช้เครื่องทดสอบไมโครเทนไซล์และตรวจชิ้นตัวอย่างแต่ละกลุ่มด้วย เครื่องอิเล็คตรอนชนิดส่องกราด การวิเคราะห์ทางสถิติใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวเพื่อ เปรียบเทียบค่าความแข็งแรงไมโครเทนไซล์ของแต่ละกลุ่ม ผลที่ได้จากการศึกษาครั้งนี้พบว่าค่าความแข็งแรงไมโครเทนไซล์ของเอส อาร์ อะโดโร ที่ ทำการปรับผิววัสดุด้วยสารไซเลนเพียงอย่างเดียว มีค่าต่ำกว่าการปรับผิววัสดุด้วยวิธีอื่นอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติ ในขณะที่เบลลีกลาส เอ็น จี ที่ทำการปรับผิววัสดุด้วยการเป่าทรายร่วมกับการทา สารไซเลนให้ค่าความแข็งแรงไมโครเทนไซล์สูงที่สุด เมื่อเทียบกับการปรับผิววัสดุแบบอื่นอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติ ในกลุ่มที่ไม่มีการปรับผิววัสดุและปรับผิววัสดุด้วยสารไซเลนเพียงอย่างเดียว พบว่าจี ซี กราเดียให้ค่าความแข็งแรงไมโครเทนไซล์สูงกว่าเบลลีกลาส เอ็น จี และ จี ซี กราเดีย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

Mahidol University

Address: NAKHON PATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Widchaya Kanchanavasita

Role: Thesis Advisors

Created: 2007

Modified: 2553-06-19

Issued: 2010-06-09

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: TH S619m 2007

eng

DegreeName: Master of Science

Level: Master's Degree

Descipline: Prosthodontics

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4636702.pdf	1.46 MB	14	2018-05-29 11:49:13

ใช้เวลา

-0.567952 วินาที