Factors affacting to juveniles and youths' drug abuse : a case study of juveniles and youths in Bangkok metropolitan and peripheral areas

ปัจจัยที่มีผลต่อการกระทำผิดในคดีเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษของเด็กและเยาวชน : ศึกษาเฉพาะกรณีเด็กและเยาวชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

Name: Supakanda Suksriwong

LCSH: Drug abuse and crime

LCSH: Juvenile delinquency -- Thailand -- Bangkok

LCSH: Substance-Related Disorders -- Adolescence

LCSH: Youth -- Substance use

Abstract: The purpose of this research was to study factors affecting juveniles and youths’ drug abuse in Bangkok metropolitan and peripheral areas. Data was collected from 306 male juveniles admitted to Training Schools i.e. Ban Karuna, Ban Mudhita, Ban Ubekkha and the Youth Correction Institute. A questionnaire was used in data collection. Statistical applications were Mean, Percentage, Standard Deviation, Analysis of Variance, Independent Sample and Multiple Classification Analysis. The results of the study are summarized below. 1. Social Background. It was found that most samples admitted to the Youth Correction Institute had a domicile in Bangkok, and were aged 20 - 23 years (average age was 21.92 years). They were aged 19 -21 years (average age was 20.04 years), at the time of offense. They were charged on possession for disposal of Amphetamine offenses and were imprisoned 2 years and 1 month to 4 years (average imprisonment 3.88 years). They were commonly laborers and earned 4,001-8,000 baht (average monthly income was 9021.40 baht). They had acquired primary level education and were Buddhists whose parents cohabited. Their fathers and mothers were commonly laborers. The residence was a slum and their home was owned by their fathers/mothers/relatives. Most juveniles lived with their parents before committing the offense. Prior to this arrest, they used drugs for 1 year and 1 month to 3 years (average duration that the juveniles used drugs was 2.70 years). The type of drug that juveniles used was Amphetamine. 2. Moral reasoning. This factor affected juveniles and youths’ drug abuse offenses. 3. Differential association. This factor affected juveniles and youths’ drug abuse offenses. 4. Conduct disorder. This factor affected juveniles and youths’ drug abuse offenses. 5. Social bond. Involvement and belief component affected juveniles and youths’ drug abuse offenses. 6. Child-rearing. Child-rearing with control affected moral reasoning. This research recommends that parents and guardians should learn and understand the changes according to the developmental stages of the child. Child-rearing should have love, care, understanding, and guidance so that the child will have good mental health, appropriate personality development, moral and ethical support. In the meantime, overseeing the child’s behavior and habits should be done

Abstract: ในการศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการกระทำผิดในคดีเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษของเด็กและ เยาวชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล กลุ่มตัวอย่างได้แก่ เด็กและเยาวชนซึ่งศาลตัดสินว่ากระทำผิดและมีคำสั่งให้ ควบคุมตัวในศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนชายบ้านกรุณา บ้านมุทิตา บ้านอุเบกขาและผู้ต้องขังวัยหนุ่ม ซึ่งมีคำพิพากษาให้ ลงโทษและถูกคุมขังไว้ในทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง จำนวนทั้งสิ้น 306 ราย เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ใน การวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว การเปรียบเทียบ ค่า เฉลี่ย และการวิเคราะห์การจำแนกพหุ ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1. ปัจจัยส่วนบุคคลหรือภูมิหลังทางสังคม พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ถูกควบคุมตัวในทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง มีอายุ 20 – 23 ปี (โดยอายุเฉลี่ยเท่ากับ 21.92 ปี) อายุขณะกระทำผิดคือ 19 - 21 ปี (โดยอายุเฉลี่ยเท่ากับ 20.04 ปี) ถูกจับกุมในคดีมียาบ้า ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และถูกตัดสินลงโทษให้ควบคุมตัว 2 ปี 1 เดือน - 4 ปี (โดยระยะเวลาที่ถูกตัดสินลงโทษให้ควบคุม ตัวเฉลี่ย 3.88 ปี) ภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพมหานคร ระดับการศึกษาสูงสุดคือ ระดับประถมศึกษา นับถือศาสนาพุทธ ประกอบ อาชีพรับจ้างทั่วไป มีรายได้ 4,001 – 8,000 บาท (โดยมีรายได้เฉลี่ย 9,021 บาท) บิดามารดาอยู่ด้วยกันและประกอบอาชีพรับจ้าง ทั่วไป พักอาศัยอยู่กับบิดามารดาในบ้านพักของครอบครัวซึ่งอยู่ในชุมชนแออัด เคยเสพยาเสพติดมานาน 1 ปี 1 เดือน – 3 ปี (โดยระยะเวลาเฉลี่ยที่เสพยาเสพติดนาน 2.70 ปี) โดยยาเสพติดที่เสพ คือ ยาบ้า ด้านการเลี้ยงดู กลุ่มตัวอย่างได้รับการเลี้ยงดูแบบ รักสนับสนุนในระดับสูง ได้รับการเลี้ยงดูแบบใช้เหตุผลและแบบลงโทษทางจิตในระดับปานกลาง และได้รับการเลี้ยงดูแบบ ควบคุมในระดับต่ำ 2. ปัจจัยการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมมีผลต่อการกระทำผิดในคดีเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษของเด็กและเยาวชน 3. ปัจจัยด้านการคบหาสมาคมที่แตกต่างมีผลต่อการกระทำผิดในคดีเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษของเด็กและเยาวชน 4. ปัจจัยความประพฤติผิดปกติ มีผลต่อการกระทำผิดในคดีเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษของเด็กและเยาวชน 5. ปัจจัยความผูกพันทางสังคมมีผลต่อการกระทำผิดในคดีเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษของเด็กและเยาวชน ซึ่งได้แก่ องค์ประกอบการมีส่วนร่วมกับกิจกรรมที่สังคมยอมรับและองค์ประกอบความเชื่อมั่นในบรรทัดฐานหรือค่านิยม 6. การเลี้ยงดูมีผลต่อการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรม ซึ่งได้แก่ การเลี้ยงดูแบบควบคุม ข้อเสนอแนะจากการวิจัย พ่อแม่ควรทำความเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงของลูกในช่วงวัยต่างๆเพื่อให้สามารถปรับตัวให้ เข้ากับวัยรุ่นได้อย่างเหมาะสม เลี้ยงดูโดยให้ความรัก ความเข้าใจ และอบรมสั่งสอนให้เยาวชนมีคุณธรรม จริยธรรม ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งยั่วยุต่างๆ ในขณะเดียวกันก็ควรดูแลควบคุมความประพฤติของบุตรด้วย ในส่วนของสถาบันการศึกษาควรมี บทบาทในการอบรมสั่งสอนให้ความรู้ทั้งทางวิชาการและทักษะการดำเนินชีวิต แนะนำวิธีการเลือกคบเพื่อน และปลูกฝัง ค่านิยมที่ถูกต้องซึ่งสอดคล้องกับบรรทัดฐานของสังคมให้กับเด็กและเยาวชน

Mahidol University

Address: NAKHON PATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Chankanit K. Suriyamanee

Role: Thesis Advisors

Created: 2007

Modified: 2553-06-22

Issued: 2010-06-08

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: TH S959f 2007

eng

DegreeName: Master of Arts

Level: Master's Degree

Descipline: Criminology and Criminal Justice

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4737105.pdf	1.07 MB	104	2022-06-26 20:15:45

ใช้เวลา

-0.709884 วินาที