Drug utilization and clinical outcomes of diabetic outpatients in five hospitals, 2000-2003

การใช้ยาและผลการรักษาทางคลินิกของผู้ป่วยนอกที่เป็นโรคเบาหวานในโรงพยาบาล 5 แห่งปี 2545-2546

Name: Krittaya Chunnguleum

MeSH: Diabetes Mellitus -- drug therapy

MeSH: Drug Utilization Review

MeSH: Hypoglycemic Agents -- therapeutic use

Abstract: This study was a cross-sectional retrospective research. The objective was to determine drug utilization and clinical outcomes of adult diabetic outpatients at five government hospitals (a teaching, a regional, and three general) in fiscal year 2002- 2003. Data of demographic (age, gender), diagnosis, drug profile (patient’s drug use, unit of drug used per day, number of drug per visit, date of visit, etc) were obtained from hospitals’ electronic database but clinical outcomes (glycemic, blood pressure and lipid) from medical chart review. Results revealed that diabetes mellitus (DM) outpatients in 2003 were 3.44% of total outpatients, slightly increased from 2002. Over 66% of these were female and average age was more than 60 years. Average outpatient visit rate of five hospitals in both years were 7.44-9.22. Drug expenditure of diabetic outpatient was approximately 66% of total expenditure. Glycemic, cardiovascular, and anti-lipidemic drug were more than 58% of total item and cost. Metformin, enalapril and simvastatin were the most frequently prescribed of glycemic, cardiovascular and anti-hyperlipidemic drug but insulin, amlodipine and atorvastatin were the most expensive drug respectively. A combination of the most frequently prescribed drugs were metformin and glibenclamide. For clinical guideline, diabetic outpatients who had hypertension and nephropathy prescribed with ACEI or ARBs drug was 67.82% and diabetic outpatients with high LDL prescribed with statin was 45.95%. For clinical outcome, the percentage DM patients of good clinical control was low; FBS 37.72%, HbA1c 22.07%, BP 24.44% and LDL 25.88%. Diabetic patient with complication or comorbidity had lower percentage of good outcome. Average adherence of 851 diabetic outpatients in five hospitals was 90.92±20.04%. Adherence was negatively and significantly correlated with FBS (p<0.01) These findings indicated that diabetic patients had high expenditure of drugs particularly in teaching and regional hospitals but outcomes of healthcare should be considered. For chronic disease, study about drug utilization and clinical outcome should be done. Electronic databases and medical chart reviews were available information for efficient use of health resources management for patient care

Abstract: การศึกษานี้เป็นการเก็บข้อมูลย้อนหลัง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินการใช้ยาของผู้ป่วยนอก โรคเบาหวานโดยใช้ฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ของโรงพยาบาลรัฐ 5 แห่งในปีงบประมาณ 2545-2546 ข้อมูลที่นำมา วิเคราะห์ประกอบด้วยข้อมูลลักษณะโดยทั่วไปของผู้ป่วย, ประวัติการเจ็บป่วย, การใช้ยา (ยาที่ผู้ป่วยใช้, หน่วยการ ใช้ยาต่อวัน, จำนวนยาที่ได้รับต่อการมารับบริการที่โรงพยาบาล 1 ครั้ง, วันที่มารับบริการ ฯลฯ) ส่วนข้อมูล ผลการรักษาทางคลินิก (ระดับน้ำตาลในเลือด, ความดันและไขมัน) เก็บจากการทบทวนเวชระเบียน ผลการศึกษาพบว่าผู้ป่วยเบาหวานคิดเป็นร้อยละ 3.44 ของผู้ป่วยนอกทั้งหมดในปี 2546 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก ปี 2545 กว่าร้อยละ 66 ของผู้ป่วยเบาหวานเป็นเพศหญิง และมีอายุโดยเฉลี่ยมากกว่า 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยเบาหวานใน โรงพยาบาลทั้ง 5 แห่งมีอัตราการใช้บริการผู้ป่วยนอกค่อนข้างสูงโดยอัตราการใช้บริการโดยเฉลี่ยใน 2 ปี การศึกษาเท่ากับ 7.44 ถึง 9.22 ครั้งต่อปี ค่าใช้จ่ายด้านยาโดยประมาณของผู้ป่วยเบาหวานคิดเป็นร้อยละ 66 ของ ค่าใช้จ่ายในการรักษาทั้งหมด ในจำนวนนี้เป็นการใช้ยาควบคุมน้ำตาล ยาโรคหัวใจและหลอดเลือด และยา ควบคุมไขมัน มากกว่าร้อยละ 58 ของรายการยา และค่าใช้จ่ายด้านยาทั้งหมด ยา metformin, enalapril และ simvastatin เป็นยาที่มีความถี่ในการใช้มากที่สุด แต่ insulin, amlodipine และ atorvastatin เป็นยาที่มีค่าใช้จ่ายสูง ที่สุดในกลุ่มยาควบคุมน้ำตาล ยาโรคหัวใจและหลอดเลือด และควบคุมไขมันตามลำดับ แพทย์มักจ่ายยาควบคุม น้ำตาลร่วมกัน 2 รายการ โดยยาที่มักใช้คู่กัน คือ metformin และ glibenclamide สำหรับข้อมูลการใช้ยาตาม มาตรฐานการรักษา ผู้ป่วยเบาหวานที่มีความดันโลหิตสูงร่วมกับความผิดปกติของไตและได้รับยาในกลุ่ม ACEI หรือ ARBs มีร้อยละ 67.82 ส่วนผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะไขมัน LDL ในเลือดสูงและได้รับยาลดไขมันในกลุ่ม statin มีร้อยละ 45.95 สำหรับข้อมูลผลการรักษาทางคลินิก ผู้ป่วยเบาหวานที่สามารถควบคุมระดับน้ำตาล FBS, HbA1c, ความดัน และไขมัน (LDL) คิดเป็นร้อยละ 37.04, 20.48, 24.44 และ 25.88 ตามลำดับ ผู้ป่วยที่มีโรคแทรก ซ้อน หรือโรคร่วมจะควบคุมผลการรักษาทางคลินิกได้น้อยลง สำหรับข้อมูลความร่วมมือในการใช้ยาของผู้ป่วย จำนวน 851 คน มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 90.92±20.04 และถ้าความร่วมมือในการใช้ยาของผู้ป่วยสูงขึ้น ระดับน้ำตาล (FBS) ก็จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ผลที่ได้จากการศึกษาบ่งชี้ว่าผู้ป่วยเบาหวานมีการใช้ยาในปริมาณมากและมีค่าใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ป่วยในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลศูนย์จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจึงควรมีการศึกษาการใช้ ยา และผลการรักษาทางคลินิกในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ทั้งนี้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่มีอยู่โรงพยาบาลและการทบทวน เวชระเบียนสามารถใช้เป็นเป็นประโยชน์การบริหารจัดการทรัพยากรสุขภาพให้เกิดประสิทธิภาพและประโยชน์ สูงสุดในการดูแลผู้ป่วย

Mahidol University

Address: NAKHON PATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Petcharat Pongcharoensuk

Role: Thesis Advisors

Created: 2006

Modified: 2553-06-24

Issued: 2010-06-07

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

ISBN: 9740479294

CallNumber: TH K92d 2006

eng

DegreeName: Master of Science

Level: Master's Degree

Descipline: Pharmacy Administration

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4736942.pdf	817.82 KB	78	2024-06-18 02:23:54

ใช้เวลา

-0.734196 วินาที