The effectiveness of a community-based care program on health outcomes and satisfaction with care in patients with chronic obstructive pulmonary disease

ประสิทธิผลของโปรแกรมการใช้ชุมชนเป็นฐานดูแลต่อภาวะสุขภาพและความพึงพอใจในผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง

Name: Naiyana Noonill

LCSH: Hospital utilization

MeSH: Community Health Services

MeSH: Outcome and Process Assessment (Health Care)

MeSH: Patient Satisfaction

MeSH: Pulmonary Disease, Chronic Obstructive -- nursing

Abstract: Chronic Obstructive Pulmonary Disease (COPD) is a healthcare problem both globally and in Thailand, and is responsible for high health care expenditure and disease burden. Pulmonary rehabilitation can help improve health outcomes; yet to date, there is no evidence that an integrated approach to coordination of community resources can improve outcomes for people with COPD in the Thai population. The aim of this quasi-experimental study was to test the effectiveness of a 12- week community-based care program on health related outcomes and patients’ satisfaction with care. The participants were selected from six tambons (communities) with a large number of patients with COPD in Thasala district, Nakhon Si Thammarat province of Thailand and the tambons were randomly assigned into either the intervention or control group. There were 44 subjects in the intervention group and 43 subjects in the control group who completed the study. The intervention group received: (1) a community-based group education which also included fellow patients, families, and health volunteers from the same community; (2) individualized homebased care and skill training; (3) enhanced psychosocial support consisting of a home visit by a community nurse once a month, a visit by a health volunteer twice a month, and family supervision. Exercise tolerance, dyspnea, health-related quality of life, hospital utilization, and patient satisfaction with care data were collected at baseline and the 12th week and the difference between groups were analyzed by using the Independent t test or Mann-Whitney U test. Statistical improvement in exercise tolerance, dyspnea, health-related quality of life, and satisfaction with care was demonstrated in the intervention group compared with the control group with a moderate to large effect size of 0.48, 0.59, 0.93, and 1.03, respectively. However, the hospital utilization was not significantly different between the study groups. The findings of this study show the effectiveness of this innovative coordination of community resources appropriate to the rural culture which is a kinship culture. The use of the program for patients with COPD in urban and metropolitan communities especially requires appropriate use of the resources in such communities.

Abstract: โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังเป็นปัญหาสุขภาพของประชาคมโลกรวมทั้งประเทศไทย ที่ต้องเผชิญกับ ปัญหาในการรักษาโรคนี้ การฟื้นฟูสมรรถภาพปอดสามารถช่วยให้ภาวะสุขภาพดีขึ้นได้ แต่ปัจจุบัน ประเทศไทยยังไม่มีหลักฐานการศึกษาถึงผลการรวมประสานความร่วมมือของทรัพยากรในชุมชนเพื่อ ทำให้สุขภาพของผู้ป่วยดีขึ้น การศึกษาวิจัยกึ่งทดลองครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิผลของโปรแกรมการใช้ชุมชน เป็นฐานในการดูแลผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ในระยะเวลา 12 สัปดาห์ ต่อภาวะสุขภาพได้แก่ ความ ทนทานในการออกกำลังกาย, การหายใจลำบาก, การรักษาในโรงพยาบาลและความพึงพอใจในการดูแล กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง จาก 6 ตำบลของอำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช และ สุ่มตำบลโดยการจับฉลาก มีผู้ป่วยในกลุ่มทดลอง 44 คนและกลุ่มควบคุม 43 คน โดยกลุ่มทดลองได้รับ (1) ความรู้ในชุมชนเป็นกลุ่ม ทั้งผู้ป่วย ญาติ และอาสาสมัครสาธารณสุขของแต่ละชุมชน (2) การดูแลและ ฝึกทักษะผู้ป่วยเฉพาะรายที่บ้าน (3) การสนับสนุนด้านจิต-สังคม โดยการเยี่ยมบ้านของพยาบาลชุมชน เดือนละครั้ง, การเยี่ยมของอาสาสมัครสาธารณสุขเดือนละ 2 ครั้งและมีญาติเป็นผู้คอยช่วยกระตุ้นให้ผู้ป่วย ได้ปรับพฤติกรรมสุขภาพ และทั้งสองกลุ่มได้ทดสอบการเดิน 6นาทีและการหายใจลำบาก, รวมทั้งตอบ แบบสอบถามคุณภาพชีวิตที่เกี่ยวกับสุขภาพ, การรักษาในโรงพยาบาล,และความพึงพอใจในการดูแล ทั้ง ก่อนและหลังสิ้นสุดโปรแกรม และวิเคราะห์ข้อมูลโดยสถิติ ที-เทสต์ หรือ แมนวิทนีท์ ยู-เทสต์เพื่อ เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างกลุ่ม ผลการศึกษาพบว่าระดับความทนทานในการออกกำลังกาย การหายใจลำบาก คุณภาพชีวิตที่ เกี่ยวกับสุขภาพ และความพึงพอใจในการดูแลของกลุ่มทดลองดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติ (p<.05) และค่าขนาดของผลลัพธ์ (effect size) อยู่ในระดับคะแนน 0.48, 0.59, 0.93,และ 1.03 ตามลำดับ แต่สำหรับการไปรักษาในโรงพยาบาลของทั้งสองกลุ่มไม่แตกต่างกัน ผลการศึกษานี้แสดงถึงประสิทธิผลของนวตกรรมการใช้ชุมชนเป็นฐานโดยการประสานความ ร่วมมือของทรัพยากรในชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับบริบทของคนในชนบทที่เป็นสังคมเครือญาติ แต่การใช้ โปรแกรมนี้กับผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังในสังคมเมืองอาจต้องมีการปรับปรุงโดยเฉพาะการใช้ทรัพยากร ที่เหมาะสมกับชุมชนต่อไป

Mahidol University

Address: NAKHON PATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Siriorn Sindhu

Role: Thesis Advisors

Created: 2006

Modified: 2553-06-24

Issued: 2010-06-05

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

ISBN: 9740475221

CallNumber: TH N161e 2006

eng

DegreeName: Doctor of Philosophy

Level: Doctoral Degree

Descipline: Nursing

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4436650.pdf	2.8 MB	143	2022-11-30 13:09:31

ใช้เวลา

0.240418 วินาที