The effect of music therapy on nausea and vomiting in pediatric cancer patients receiving chemotherapy

ผลของดนตรีบำบัดต่ออาการคลื่นไส้และอาเจียนในผู้ป่วยเด็กโรคมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด

Name: Jatuporn Phankein

LCSH: Children|xDiseases|xChemotherapy

MeSH: Music Therapy

MeSH: Nausea|xnursing

MeSH: Vomiting|xnursing

Abstract: The purpose of this quasi-experimental study was to investigate the effect of music therapy on nausea and vomiting in pediatric cancer patients receiving chemotherapy.The conceptual framework of this study was based on physiologic mechanisms of nausea and vomiting and music therapy. Forty subjects were recruited from Ramathibodi Hospital and Pramongkutklao Hospital between October 2005 and April 2006 and divided into control and experimental groups. The subjects were aged between 7-15 years , hospitalized for the first day, received high doses of chemotherapy, and had received at least one cycle of chemotherapy. The control group undertook the usual relaxing activities compared with the experimental group who listened to classical music provided by the researcher. The treatment of music therapy for the experimental group took 20 minutes for a session every 2 hours while they were receiving chemotherapy for the first 8 hours. Nausea and vomiting was measured according to The index of nausea and vomiting by Rhodes. All data were analyzed by SPSS/FW program. The results indicated that there were no statistical significant difference in nausea and vomiting scores between the control and the experimental groups (p>.05). Although the scores of nausea and vomiting of these groups were not significantly differenct, the patients in the experimental group enjoyed the music, felt calm , relaxed , and were distracted from receiving chemotherapy. Thus, music therapy would be useful during the chemotherapy of patients

Abstract: การวิจัยกึ่งทดลองครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของดนตรีบำบัดต่ออาการคลื่นไส้และ อาเจียนในผู้ป่วยเด็กโรคมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด โดยใช้แนวคิดทางด้านสรีรวิทยาของอาการ คลื่นไส้และอาเจียนและมโนทัศน์ของดนตรีบำบัดเป็นกรอบแนวคิด คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างจำนวน 40 คนจากรพ.รามาธิบดีและรพ.พระมงกุฎเกล้า ระหว่างเดือนตุลาคม 2548 ถึง เมษายน 2549 แบ่งเป็นกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง กลุ่มตัวอย่างอายุ 7-15 ปี ที่ได้รับยาเคมีบำบัดวันแรกของการ เข้ารับการรักษา ได้รับยาเคมีบำบัดขนาดสูง เคยได้รับยาเคมีบำบัดอย่างน้อย 1 ครั้งโดยกลุ่มควบคุม ทำกิจกรรมที่ทำให้เกิดความผ่อนคลายตามปกติ เปรียบเทียบกับกลุ่มทดลองที่ได้ฟังดนตรีคลาสสิคที่ ผู้วิจัยจัดให้ โดยฟังครั้งละ 20 นาที ทุก 2 ชั่วโมง ขณะที่ได้รับยาเคมีบำบัดใน 8 ชั่วโมงแรก อาการ คลื่นไส้และอาเจียนประเมินจาก Index of nausea and vomiting ของโรค และ ทำการวิเคราะห์ ข้อมูลโดยใช้โปรแกรม SPSS/FW ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมมีคะแนนอาการคลื่นไส้และอาเจียนไม่แตกต่าง กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p>.05) แม้ว่าคะแนนอาการคลื่นไส้และอาเจียนระหว่างกลุ่มทดลอง และกลุ่มควบคุมไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ผู้ป่วยกลุ่มทดลองที่ได้ฟังดนตรีบำบัด รู้สึก เพลิดเพลิน สงบ ผ่อนคลาย และเบี่ยงเบนความสนใจจากยาเคมีบำบัดที่ได้รับ ดังนั้นดนตรีบำบัดจึง น่าจะมีประโยชน์สำหรับผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด

Mahidol University

Address: NAKHON PATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Autchareeya Patoomwan

Role: Thesis Advisors

Created: 2006

Modified: 2553-06-24

Issued: 2010-06-05

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

ISBN: 9740477852

CallNumber: TH J39ef 2006

eng

DegreeName: Master of Nursing Science

Level: Master's Degree

Descipline: Pediatric Nursing

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4436605.pdf	633.73 KB	225	2025-09-03 10:11:32

ใช้เวลา

0.278035 วินาที