Increasing the potentiality of nurses for prevention of ventilator-associated pneumonia

การเพิ่มศักยภาพของพยาบาลเพื่อป้องกันการติดเชื้อปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจ

Name: Supanee Chuchat

MeSH: Clinical Nursing Research

MeSH: Intervention Studies

MeSH: Pneumonia, Ventilator-Associated

Abstract: Ventilator-associated pneumonia (VAP) is the second most common nosocomial infection with a high mortality rate. This quasi- intervention study was conducted to compare the knowledge and practice towards VAP prevention among nurses and incidence rates of VAP between pre and post- intervention program during April 2005 to February 2006 at Maharaj Nakhon Si Thammarat Hospital. The intervention programs included group discussion, brain storming, education and training practices on VAP prevention. The study samples included 40 nurses working in the studied medical ward. The studied nurses were interviewed by using a questionnaire and observed on practice guidelines for VAP prevention. The VAP incidence rates in pre and post-intervention period were determined according to infection control surveillance program of the hospital. Identification of the causative bacteria of VAP was also carried out in all cases of VAP patients. Results revealed that the nurses ages ranged from 23 to 42 years old (mean 30.5 ± 5.8 years). Approximately 92.5% were registered nurses and 7.5% were technical nurses with duration of working of 8.7 years. About 52% of the studied nurses reported that they had no knowledge on VAP practice guidelines. The knowledge mean scores on VAP prevention after the intervention program were significantly higher than those pre-intervention (22.9 vs. 20.9, p<0.001).The proportion of nurses who practiced on VAP prevention (oral care, patients positioning, endotracheal tube suctioning, enteral feeding care and management of respiratory equipment) increased from 74.2% to 85.9% (p<0.001). The incidences of VAP declined from 21.1% to 13.3% or from 17.3 to 9.4 per 1,000 ventilator – days (p<0.05). The most common causative bacteria of VAP were Acinetobacter baumannii and Pseudomonas aeruginosa in the pre and post-intervention period, respectively. The results of this study suggested that understanding the practice guidelines for VAP prevention should be emphasized as standard nursing care for patients with mechanical ventilators. Application of the intervention program to all involved nurses could reduce incidence of VAP.

Abstract: ปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจเป็นการติดเชื้อที่พบเป็นอันดับสองของการติดเชื้อใน โรงพยาบาลที่ทำให้อัตราป่วยตายสูง การศึกษาครั้งนี้เป็นแบบกึ่งทดลองเฝ้าสังเกตและติดตามผลของการ ดำเนินการเพื่อป้องกันการติดเชื้อปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจ โดยเปรียบเทียบความรู้ การปฏิบัติตาม แนวทางการป้องกันปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจและอุบัติการณ์การเกิดปอดอักเสบจากการใช้ เครื่องช่วยหายใจก่อนและหลังการดำเนินการ ซึ่งประกอบด้วย การสนทนากลุ่ม การให้ความรู้และฝึกปฏิบัติเพื่อ ป้องกันปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจ ระหว่าง เดือนเมษายน 2548 ถึง กุมภาพันธ์ 2549 กลุ่มตัวอย่าง เป็นพยาบาล จำนวน 40 คนปฏิบัติงานในหอผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช เก็บข้อมูล โดยใช้แบบประเมินความรู้และสังเกตการปฏิบัติการพยาบาลตามแนวทางการดูแลผู้ป่วยเพื่อป้องกันปอดอักเสบ จากการใช้เครื่องช่วยหายใจ เก็บข้อมูลอุบัติการณ์ปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจโดยใช้ระบบการเฝ้าระวัง การติดเชื้อในโรงพยาบาลและตรวจหาแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจทั้งก่อนและ หลัง ดำเนินการ ผลการศึกษาพบว่า พยาบาลที่ศึกษามีอายุตั้งแต่ 23 ปี ถึง 42 ปี (อายุเฉลี่ย 30.5 ±5.8 ปี) ร้อยละ 92.5 เป็น พยาบาลวิชาชีพ และ ร้อยละ 7.5 เป็นพยาบาลเทคนิค มีประสบการการปฏิบัติงานด้านการพยาบาลเฉลี่ย 8.7 ปี ร้อยละ 52 ของพยาบาลไม่เคยรับทราบถึงแนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจมา ก่อน คะแนนเฉลี่ยความรู้ของพยาบาลเกี่ยวกับการป้องกันปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจหลังการ ฝึกอบรมเพิ่มขึ้นกว่าก่อนดำเนินการอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (22.9 และ 20.9, p<0.001) การปฏิบัติตามแนวทางใน การดูแลผู้ป่วยเพื่อป้องกันปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจทั้ง 5 หมวด (การทำความสะอาดปากและฟัน, การจัดท่าผู้ป่วย, การดูดเสมหะ, การดูแลให้อาหารทางสายยางและการจัดการเรื่องอุปกรณ์เครื่องช่วยหายใจ) เพิ่มขึ้นมากกว่าก่อนการฝึกอบรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (ร้อยละ 85.9 และ 74.2, p<0.001) อุบัติการณ์การเกิด ปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจลดลงจากร้อยละ 21.1 เหลือร้อยละ 13.3 หรือจาก 17.3 ครั้ง เหลือ 9.4 ครั้ง ต่อ 1,000 วันที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ (p<0.05). แบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วย หายใจที่พบมากที่สุดในช่วงก่อนและหลังดำเนินการคือเชื้อ Acinetobacter baumannii และ Pseudomonas aeruginosa ตามลำดับ ผลการศึกษานี้มีข้อเสนอแนะว่าความเข้าใจเรื่องแนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันปอดอักเสบ จากการใช้เครื่องช่วยหายใจควรนำไปใช้เป็นมาตรฐานในการดูแลผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจและการนำโครงการ ฝึกอบรมฯไปใช้กับพยาบาลทุกคนที่เกี่ยวข้อง จะช่วยลดอุบัติการณ์การเกิดปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจ

Mahidol University

Address: NAKHON PATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Pipat Luksamijarulkul

Role: Thesis Advisors

Created: 2006

Modified: 2553-06-26

Issued: 2010-06-04

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

ISBN: 9740475922

CallNumber: TH S959in 2006

eng

DegreeName: Master of Science

Level: Master's Degree

Descipline: Infectious Diseases and Epidemiology

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4737302.pdf	909.62 KB	332	2025-08-22 16:38:15

ใช้เวลา

0.255676 วินาที