A contextual analysis of self-control, differrential association and routine activity theories of juvenile and youth forcible rape offenders

การวิเคราะห์สาเหตุการกระทำผิดเกี่ยวกับการข่มขืนของเด็กและเยาวชนในบริบทของทฤษฎีการควบคุมตนเอง, การคบหาสมาคมที่แตกต่างกันและทฤษฎีภาวะปกติวิสัย

Name: Pornpimon suttisomboon

LCSH: Deviant behavior

LCSH: Juvenile delinquency

LCSH: Rape

LCSH: Sexual deviation

LCSH: Sex crimes

Abstract: The purpose of this research was to analyze cause of forcible rape among juvenile and youth offenders in the context of self-control, differential association and routine activity theories. Data was collected from 221 male juveniles admitted to Training Schools i.e. Ban Karuna, Ban Mudhita, Ban Ubekkha and the Youth Correction Institute. A questionnaire was used in data collection. Statistical applications were Mean, Percentage, Standard Deviation, Analysis of Variance and Multiple Classification Analysis. The results of the study are summarized below. 1. Social Background. It was found that most samples admitted to the Youth Correction Institute had domicile in provinces, were aged 20 - 23 years (average age was 21.74 years) and were aged 17 - 18 years (average age was 17.71 years), at time of offense. They had acquired primary level education and were Buddhists whose parents cohabited. Their fathers and mothers were commonly laborers. The residential was often suburban and their home was own by their fathers/mothers/relatives. Most juveniles lived with their parents before committing the offense. 2. Self-Control. Most forcible rape offenders, personality had a impulsive component, temper component, self-centered component and risk-taking component. This implies a multidimensional character of self-control. Multidimensionality refers to the capability of self-control components that can explain offense in different forms, and some but not all components may be used to explain the basis of the crime. 3. Differential association. This factor affected the level of forcible rape offense. 4. Routine activity. This activity affected the level of forcible rape offense. 5. Child monitoring. Punishment as a child affected self-control. This research recommends that women who wish to avoid being a crime victim should be more careful when traveling or being alone in an isolated place; they should not wear revealing clothes and be sure that their appearance does not entice men sexually. Parents should teach children patience in their own habits in order to endure threatening situations. If children do wrong, proper punishment is needed for them. Moreover, schools must encourage the children and juveniles to attend the appropriately good activities in order to protect them and discourage them from associating with gangs who break the law. Lastly, law enforcement should be more effective. In addition, the obscene pornography must be strictly eliminated.

Abstract: ในการศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์สาเหตุการกระทำผิดเกี่ยวกับการข่มขืนของเด็กและเยาวชนในบริบทของ ทฤษฎีการควบคุมตนเอง , การคบหาสมาคมที่แตกต่างกัน และทฤษฎีภาวะปกติวิสัย กลุ่มตัวอย่างได้แก่ เด็กและเยาวชนซึ่งศาล ตัดสินว่ากระทำผิดและมีคำสั่งให้ควบคุมตัวในศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนชายบ้านกรุณา บ้านมุทิตา และบ้านอุเบกขา และผู้ต้องขังวัยหนุ่มซึ่งมีคำพิพากษาให้ลงโทษและถูกคุมขังไว้ใน ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง จำนวนทั้งสิ้น 221 ราย เก็บรวบรวม ข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ความ แปรปรวนทางเดียว และการวิเคราะห์การจำแนกพหุ ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1. ปัจจัยส่วนบุคคลหรือภูมิหลังทางสังคม พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ถูกควบคุมตัวอยู่ในทัณฑสถานวัยหนุ่มกลางมาก ที่สุด มีอายุ 20 – 23 ปี (โดยอายุเฉลี่ยเท่ากับ 21.74 ปี) มีอายุขณะกระทำผิด 17 – 18 ปี (โดยอายุเฉลี่ยเท่ากับ 17.71 ปี) มี ภูมิลำเนาอยู่ในต่างจังหวัด ระดับการศึกษาสูงสุดอยู่ในระดับประถมศึกษา นับถือศาสนาพุทธ บิดาและมารดายังอยู่ด้วยกัน บิดา ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป มารดาประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป พักอาศัยอยู่กับบิดามารดาในบ้านพักของครอบครัว บริเวณชาน เมือง นอกจากนี้ในด้านการอบรมเลี้ยงดูกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ได้รับการว่ากล่าวตักเตือนด้วยเหตุผลเมื่อทำผิดในระดับมาก ได้รับการสอดส่องดูแลความประพฤติอย่างสม่ำเสมอในระดับมาก และผู้ปกครองสอนให้รู้จักควบคุมอารมณ์เมื่อทะเลาะหรือมี ปัญหากับผู้อื่นในระดับมาก 2. ปัจจัยด้านการควบคุมตนเอง มีผลต่อการกระทำผิดเกี่ยวกับการข่มขืนของเด็กและเยาวชน ซึ่งได้แก่ องค์ประกอบด้าน ความหุนหันพลันแล่น องค์ประกอบด้านความชอบเสี่ยง องค์ประกอบด้านการยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง และองค์ประกอบด้าน ความเจ้าอารมณ์ จะเห็นได้ว่าปัจจัยด้านการควบคุมตนเองนี้มีลักษณะเป็น Multidimensional นั่นคือ สามารถอธิบายการกระทำผิด ในแต่ละรูปแบบแตกต่างกัน และมีบางองค์ประกอบเท่านั้นที่อธิบายการกระทำผิดได้ ไม่ใช่ทุกองค์ประกอบ 3. ปัจจัยด้านการคบหาสมาคมที่แตกต่างกัน มีผลต่อการกระทำผิดเกี่ยวกับการข่มขืนของเด็กและเยาวชน 4. ปัจจัยด้านภาวะปกติวิสัยมีผลต่อการกระทำผิดเกี่ยวกับการข่มขืนของเด็กและเยาวชน 5. ปัจจัยด้านการอบรมเลี้ยงดูมีผลต่อปัจจัยด้านการควบคุมตนเอง ซึ่งได้แก่ ด้านการลงโทษ ข้อเสนอแนะจากการวิจัย ผู้หญิงที่เสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อ ควรเพิ่มความระมัดระวังในขณะที่ต้องเดินทางคนเดียวให้มาก ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายที่ต้องมิดชิดและไม่แสดงอาการยั่วยุทางเพศ พ่อแม่ควรอบรมสั่งสอนเด็กและเยาวชนให้มีความอดทน อดกลั้น เพื่อที่จะได้ไม่โต้ตอบต่อสถานการณ์ต่าง ๆ โดยขาดการยั้งคิด และควรมีการลงโทษอย่างเหมาะสมเมื่อทำผิด นอกจากนี้ แล้วโรงเรียนควรส่งเสริมการทำกิจกรรมที่มีประโยชน์นอกเวลาเรียนเพื่อไม่ให้เด็กและเยาวชนไปรวมกลุ่มกันกระทำผิดได้ ส่วน ภาครัฐควรมีการบังคับใช้กฎหมายให้เคร่งครัดมากขึ้น และปราบปรามสื่อลามกอนาจารอย่างจริงจัง

Mahidol University

Address: NAKHON PATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Chankanit K. Suriyamanee

Role: Thesis Advisors

Created: 2006

Modified: 2553-06-17

Issued: 2010-06-04

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

ISBN: 9740476384

CallNumber: TH P836c 2006

eng

DegreeName: Master of Arts

Level: Master's Degree

Descipline: Criminology and Criminal Justice

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4737106.pdf	1.01 MB	168	2021-03-02 11:54:57

ใช้เวลา

-0.72182 วินาที