The effects of systematic instructional program on breastfeeding self-efficacy, nipple pain, nipple skin changes and incision pain of cesarean mothers

ผลของโปรแกรมการให้คำแนะนำอย่างมีแบบแผนต่อสมรรถนะแห่งตนในการให้นมบุตร, อาการเจ็บหัวนม, การเปลี่ยนแปลงของหัวนม และความเจ็บปวดแผลผ่าตัด ในมารดาหลังผ่าตัดคลอด

Name: Benjamas Thussanasupap

MeSH: Breast Diseases

MeSH: Breast Feeding

MeSH: Cesarean Section

MeSH: Pain

LCSH: Nipples

Abstract: The purpose of this study was to determine the effects of a systematic instructional program on breastfeeding self-efficacy, nipple pain, nipple skin changes, and incision pain of cesarean mothers. The purposive sample of 60 unplanned cesarean mothers, who were primipara and admitted at the postpartum unit of Rajavithi Hospital between September 2005 and January 2006, and their healthy infant, were divided into control and experimental groups. The first 30 dyads were assigned to the control group and received the usual nursing intervention by staff nurses or other healthcare professionals, while the other 30 dyads were assigned to the experimental group and received a systematic instructional program for cesarean mothers from the researcher in addition to the usual nursing intervention. Breastfeeding self-efficacy was evaluated by self-report using the breastfeeding selfefficacy scale-short form (BSES-SF), incision pain and nipple pain were measured by Stewart’s visual analogue pain scale, and nipple skin changes were observed following the checklist form. The study findings showed that the breastfeeding self-efficacy mean score of cesarean mothers who received a systematic instructional program was statistically significantly higher than the mean score of the mothers who did not receive such a program (t = -3.20, p < .001). The experimental group also experienced less nipple pain than the control group on Day 3 after the delivery with statistical significance (t = 2.58, p < .01), but not on Day 1 and Day 2 (t = 0.07, p > .05; and t = 1.12, p > .05, respectively). Likewise, the experimental group experienced fewer nipple skin changes when compared to the control group on Day 3 after delivery with statistical significance (p < .001), but not on Day 1 and Day 2 (p > .05). Finally, the experimental group had statistically significantly less incision pain than the control group on Days 2 and 3 (t = 2.47, p < .01; and t = 2.81, p < .001, respectively) but not on Day 1 (t = 1.39, p > .05). Based on these findings, it can be concluded that integrating self-efficacy enhancing intervention through four primary sources of information could increase new cesarean mothers’ confidence in their breastfeeding ability, as well as their perseverance when encountering difficulties. Moreover, the program could be used to improve the quality of care in promoting breastfeeding among cesarean mothers. However, further research is still needed to examine breastfeeding self-efficacy of unplanned cesarean mothers during the period after six weeks postpartum

Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการให้คำแนะนำอย่างมีแบบแผนต่อสมรรถนะ แห่งตนในการให้นมบุตร, อาการเจ็บหัวนม, การเปลี่ยนแปลงของหัวนม และความเจ็บปวดแผลผ่าตัด ในมารดา หลังผ่าตัดคลอด กลุ่มตัวอย่าง คือ มารดาครรภ์แรกหลังผ่าตัดคลอดฉุกเฉินและบุตร ซึ่งเข้าพักฟื้นที่แผนกสูติกรรม โรงพยาบาลราชวิถี ระหว่างเดือนกันยายน 2548 ถึงเดือนมกราคม 2549 จำนวน 60 ราย ผู้วิจัยแบ่งกลุ่มตัวอย่าง ออกเป็นกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง โดยการจัดให้ผู้ร่วมวิจัย 30 รายแรกเป็นกลุ่มควบคุมและให้ผู้ร่วมวิจัย 30 รายหลังเป็นกลุ่มทดลอง กลุ่มควบคุมได้รับการพยาบาลตามปกติส่วนกลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมการให้คำแนะ นำอย่างมีแบบแผนร่วมกับการพยาบาลตามปกติ ผู้วิจัยประเมินสมรรถนะแห่งตนในการให้นมบุตรโดยใช้แบบ สอบถามสมรรถนะแห่งตนในการให้นมบุตร ประเมินอาการเจ็บหัวนมและความเจ็บปวดแผลผ่าตัดโดยใช้แบบวัด ความเจ็บปวดของสจ๊วด และประเมินการเปลี่ยนแปลงของหัวนมโดยใช้แบบประเมินการเปลี่ยนแปลงของหัวนม ผลการวิจัยพบว่า คะแนนสมรรถนะแห่งตนในการให้นมบุตรในกลุ่มทดลองสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติ (p < .001) อาการเจ็บหัวนมของกลุ่มทดลองในวันที่ 3 หลังผ่าตัดคลอดน้อยกว่ากลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .01) เช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงของหัวนมของกลุ่มทดลองในวันที่ 3 หลังผ่าตัด คลอดพบว่าน้อยกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .001) และความเจ็บปวดแผลผ่าตัดของกลุ่ม ทดลองในวันที่ 2 และ 3 หลังผ่าตัดคลอดนั้นน้อยกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .01, p < .001 ตามลำดับ) จากผลการวิจัยสรุปได้ว่า การให้โปรแกรมเพื่อส่งเสริมสมรรถนะแห่งตนโดยผ่านแหล่งประโยชน์ทาง ด้านข้อมูลทั้ง 4 จะช่วยให้มารดาครรภ์แรกที่ผ่าตัดคลอดมีความมั่นใจในความสามารถในการให้นมบุตรของตน และพร้อมที่จะเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ ยิ่งกว่านั้นโปรแกรมนี้ยังช่วยเพิ่มคุณภาพของการดูแลในการส่งเสริมการเลี้ยง ลูกด้วยนมแม่ในมารดาที่ผ่าตัดคลอด อย่างไรก็ตามสมรรถนะแห่งตนในการให้นมบุตรในระยะ 6 สัปดาห์หลัง คลอดของมารดาที่ไม่ได้วางแผนผ่าตัดคลอดก็ยังคงต้องการการศึกษาวิจัยต่อไป

Mahidol University

Address: NAKHON PATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Srisamorn Phumonsakul

Role: Thesis Advisors

Created: 2006

Modified: 2553-06-28

Issued: 2010-06-01

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

ISBN: 9740470653

CallNumber: TH B468e 2006

eng

DegreeName: Master of Nursing Science

Level: Master's Degree

Descipline: Maternity and Newborn Nursing

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4636931.pdf	2.36 MB	229	2025-07-02 08:38:56

ใช้เวลา

0.249792 วินาที