Effects of exercise with different thoracic restriction on respiratory performance in Thai athletes

ผลของการออกกำลังกายที่ใช้แรงต้านต่อทรวงอกในรูปแบบต่าง ๆ ต่อสมรรถภาพการหายใจในนักกีฬา

Name: Monchai Chottidao

MeSH: Exercise

MeSH: Breathing Exercise

MeSH: Breath Tests

Abstract: The purpose of this study was to investigate ventilatory responses and adaptations to exercise training with different thoracic restriction. Thirty-eight healthy males, aged 18-22 years, were randomly assigned to one of five experimented groups; chest-strapping group (CS), chest non-strapping group (CN), sedentary group (SE), aerobic exercise group (AE) and aquatic exercise group (AQ). In exercised groups, subjects underwent exercises either static aerobic dance or aquatic exercise at the same intensity (70-80% MHR), frequency (3 time/week) and duration (40-50 min) for 4 weeks. Data collection included anthropometrics measurement (body weight, height, body mass index and circumference of chest) and physical fitness (HR and VO2 max) before and after exercise training program. Respiratory functions include lung volume and flow (FVC, FEV1.0, FEV1.0/FVC, FIVC, PEFR, MVV, MVT, RR and VC) were also measured each week during training periods. The results showed that maximal voluntary ventilation in CS group was significantly higher than CN group at 4th week of training. CN group had significantly lower levels of MVT at 2nd and 3rd of training period compared with CS group. Respiratory rate of CS subjects were significantly lower than in CN group. MVT was higher during 2nd, 3rd and 4th week of training (p<0.05) in AQ group than in AE group. Whereas, respiratory rate of AQ group was significantly lower than that of AE group. In conclusion, exercise to improved pulmonary functions. Chest restriction of exercise increased the strength and endurance of respiratory muscles by increasing MVV and MVT while decreasing in RR. A longer exercise training period, greater elastic strapping in other methods and greater intensity loading on the chest, and different sports and gender groups are recommended for future research.

Abstract: จุดประสงค์การวิจัยครั้งนี้เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงการตอบสนองของระบบหายใจต่อการออกกำลังกายโดยมีแรงต้านที่กระทำต่อทรวงอกในแบบต่างๆ ทดสอบในนักกีฬาเพศชาย จำนวน 38 คน อายุ 18-22 ปี แบ่งเป็น 5 กลุ่ม คือ กลุ่มออกกำลังกายใช้ยางรัดที่อก กลุ่มออกกำลังกายไม่ใช้ยางรัดที่อก กลุ่มไม่ออกกำลังกาย กลุ่มเต้นแอโรบิกบนบก และกลุ่มเต้นแอโรบิกในน้ำ โดยออกกำลังกายที่ความหนัก 70-80 %ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด ออกกำลังกาย 3 วันต่อสัปดาห์ ระยะเวลา 40-50 นาทีต่อวัน รวม 4 สัปดาห์ ก่อนและหลังการวิจัย วัดสัดส่วน รูปร่างของร่างกาย (ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดเส้นรอบวงทรวงอกและดัชนีมวลกาย) สมรรถภาพทางกาย (อัตราการเต้นของหัวใจขณะพักและปริมาณการใช้ออกซิเจนสูงสุด) ทดสอบการทำงานของระบบหายใจ (อัตราการหายใจเข้า-ออก ปริมาตรหายใจออกมากสุด 1 วินาที ปริมาตรหายใจออกมากสุดใน 1 วินาทีต่ออัตราการหายใจเข้า-ออก ปริมาตรอากาศหายใจเข้า อัตราการหายใจออกสูงสุด ปริมาตรหายใจเข้า-ออกสูงสุด 12 วินาที ปริมาตรหายใจเข้า-ออกสูงสุดแต่ละครั้ง อัตราการหายใจต่อนาที และปริมาตรความจุปอด) พบว่า ปริมาตรหายใจเข้า-ออกสูงสุด 12 วินาทีของกลุ่มออกกำลังกายโดยใช้ยางรัดที่อกมีค่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเทียบกับกลุ่มออกกำลังกายโดยไม่ใช้ยางรัดที่อก ปริมาตรหายใจเข้า-ออกสูงสุดแต่ละครั้งของกลุ่มออกกำลังกายไม่ใช้ยางรัดที่อกมีค่าลดลงอย่างมีนัยสำคัญในสัปดาห์ที่2 และ 3 อัตราการหายใจต่อนาทีของกลุ่มออกกำลังกายโดยใช้ยางรัดที่ทรวงอกมีค่าลดลงอย่างมีนัยสำคัญเทียบกับกลุ่มออกกำลังกายโดยไม่ใช้ยางรัดที่อก ปริมาตรหายใจเข้า-ออกสูงสุดแต่ละครั้งของกลุ่มเต้นแอโรบิกในน้ำมีค่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเทียบกับกลุ่มเต้นแอโรบิกบนบกในสัปดาห์ที่ 2, 3 และ 4 อัตราการหายใจต่อนาทีของกลุ่มเต้นแอโรบิกในน้ำมีค่าลดลงอย่างมีนัยสำคัญเทียบกับกลุ่มเต้นแอโรบิกบนบก จากผลการทดลองสรุปได้ว่าการออกกำลังกายทำให้สมรถภาพการหายใจมีค่าเพิ่มขึ้น การออกกำลังกายโดยมีแรงต้านที่กระทำต่อทรวงอกในแบบต่างๆ ทำให้กล้ามเนื้อหายใจแข็งแรงและมีความทนทานมากขึ้น จะเห็นได้จากปริมาตรหายใจเข้า-ออกสูงสุด 12 วินาที ปริมาตรหายใจเข้า-ออกสูงสุดแต่ละครั้งเพิ่มขึ้น และในขณะที่อัตราการหายใจต่อนาทีลดลง สำหรับงานวิจัยในครั้งต่อไปน่าจะเพิ่มระยะเวลาของการฝึก หาวิธีการรัดทรวงอกและเพิ่มแรงต้านในแบบอื่นๆ ศึกษาวิจัยในกลุ่มกีฬาและเพศที่แตกต่างออกไป เป็นต้น

Mahidol University

Address: NAKHON PATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Opas Sinphurmsukskul

Role: Thesis Advisors

Created: 2005

Modified: 2553-06-11

Issued: 2010-04-26

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

ISBN: 9740457886

CallNumber: TH M737e 2005

eng

DegreeName: Master of Science

Level: Master's Degree

Descipline: Sports Science

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4537277.pdf	3.59 MB	164	2021-10-06 20:43:11

ใช้เวลา

0.264927 วินาที