Application of self-efficacy theory and the transtheoretical model to exercise programme for menopausal women in Chiang-Mai province

การประยุกต์ทฤษฎีการรับรู้ความสามารถตนเองร่วมกับแบบจำลองการเปลี่ยนพฤติกรรมในการออกกำลังกายของสตรีวัยหมดประจำเดือนในจังหวัดเชียงใหม่

Name: Chitima Katonyoo

MeSH: Self Efficacy

MeSH: Menopause

Abstract: การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยปฏิบัติการ เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมสุขศึกษาที่ประยุกต์แบบจำลองการเปลี่ยนพฤติกรรมรว่มกับทฤษฎีการรับรู้ความสามารถตนเอง ในการออกกำลังกายของสตรีวัยหมดประจำเดือน ในจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 71 คน โดยใช้แบบจำลองการเปลี่ยนพฤติกรรม ในการจัดแบ่งความพร้อมในการออกกำลังกายของกลุ่มตัวอย่างก่อนที่จะประยุกต์ใช้ทฤษฎีการรับรู้ความสามารถตนเอง เก็บรวบรวมข้อมูลโดย การสัมภาษณ์ การสังเกต การใช้แบบสอบถาม การตรวจทางห้องปฏิบัติการการทดสอบสมรรถภาพทางกายก่อน ระหว่างและหลังการเข้าร่วมโปรแกรมสุขศึกษา ดำเนินการระหว่างเดือนวันที่ 1 พฤษภาคมถึงเดือนวันที่ 11 พฤศจิกายน 2545 วิเคราะห์ข้อมูลโดยการแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าสถิติOne way ANOVA with Scheffe, Paired Sample t – test และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการศึกษาพบว่า หลังการเข้าร่วมโปรแกรมสุขศึกษากลุ่มตัวอย่างมีความรู้ ความคาดหวังในผลลัพธ์ของการออกกำลังกาย และการออกกำลังกาย ระดับไขมันรวม ระดับไลโปโปรตีนความหนาแน่นสูง ระดับไลโปโปรตีนความหนาแน่นตํ่า ความสามารถในการใช้ออกซิเจนของร่างกาย ดีกว่าก่อนการเข้าร่วมโปรแกรมสุขศึกษา อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่ไม่พบความแตกต่างของการรับรู้ความสามารถตนเอง ระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ ความดันโลหิตขณะหัวใจบีบตัวขณะพัก ความดันโลหิตขณะหัวใจคลายตัวขณะพัก ชีพจรขณะพัก ความอ่อนตัว และแรงบีบมือ

Abstract: This research utilized the techniques of the technical action research approach to study the effects of a constructed health education program developed from the application of Self- efficacy Theory and Transtheoretical Model to the exercise program for 7 menopausal women in Chiang Mai province. The level of readiness for exercise activity of the sample group was firstly classified using Transtheoretical Model before the following steps of the Application of Self-efficacy Theory: interviewing of fundamental information, focus group, participatory observation, questionnaire, laboratory and physiology test of the sample group at the beginning, during and end of the program. The duration of the study lasted 28 weeks from May 1st, 2002 to November 11th, 2002. The data were then evaluated and analyzed through the statistical methods including frequency distribution, percentage, mean and standard deviation, one-way ANOVA, paired t-test, and qualitative data analysis by using content analysis. The result from the study showed that, at the end of the program, the level of knowledge concerning exercise, outcome expectation, exercise behavior, blood cholesterol, HDL, LDL, and maximum oxygen uptake of the sample group had improved significantly. However, no significant changes could be detected in the level of perceived self-efficacy, serum triglyceride, systolic blood pressure, diastolic blood pressure, pulse at rest, flexibility, and hand muscle strength. In conclusion, the health education program gives some benefit to menopausal women. Any way, Some parameters from the study have no significant changes such as BMI. Parameters for further study should be diet related.

Mahidol University

Address: NAKHON PATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Supreya Tansakul

Role: Thesis Advisors

Created: 2005

Modified: 2020-04-22

Issued: 2010-04-01

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

ISBN: 9740450873

CallNumber: TH C543a 2005

eng

Spatial: Chiang-Mai

DegreeName: Doctor of Public Health

Level: Doctoral Degree

Descipline: Public Health

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4136143.pdf	4.97 MB	228	2023-03-17 10:05:34

ใช้เวลา

0.222889 วินาที