Development of primary care model in the community

การพัฒนารูปแบบการจัดบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิในชุมชน

Name: Srisuda Rassmeapong

LCSH: Action research

LCSH: Participation

LCSH: Primary Health Care

MeSH: Community Health Services

Abstract: Health system reform and the policy of ‘health insurance for all’ focused on the development of co-operating primary care units (PCU’s). However health personnel have not traditionally been accustomed to working together in a cooperative manner. Programs to strengthen various branches and organizations, and develop their capabilities have not been in place. The standard provisions for health services have not directly addressed the problems and socio-cultural contexts of the community. Therefore, a model of primary care in the community highlighting health care needs of the community as the basis was developed. Community-based action research, which emphasizes the participation of community health stakeholders in the learning, has been applied as the process for the development of this model. The process comprised 1) Look: community study, 2) Think: analyze and identify community problem; 3) Act: develop strategic planning (vision and mission of community health); implemention and evaluation. Results of this study were summarized below. The characteristics of health care needs were identified through the analysis of factors related to illness and health risk behaviors; individuals and their living patterns; and characteristic of the community setting and environment. The findings of this study illustrated that behaviors and living patterns of people, as well as the condition of environment in the community were the factors that led to incidences of infectious disease requiring vigilant epidemiological surveillance, and chronic disease, among these people. Furthermore, the vision of community health development was established as “good mind and body; Generosity; Pollution–free; and Catching up with all situations”. Primary care delivery systems should correspond with health needs of the community as identified in outreach programs and should be comprehensive in their scope. Professional nurses should serve as principal service providers and should function as the managers of all health activities with collaboration from community health officers, community leaders, the public populace and the Tambon Administration Organization (TAO). The characteristics of health care servicing activities included (1) direct health care, which emphasized the care provided individually for each person in target groups, such as pregnant women, children under five years of age, and patients with chronic diseases/disabilities, etc. (2) community health servicing package and community strengthening activities, such as managing the environment to reduce health-risk factors; and working together with local organizations and networks to develop health programs in the community. This new proposed health care delivery model, as demonstrated in the research project would create learning opportunities, would strengthen the community through a physical exercise program, and would mobilize the participation of various sectors to work cooperatively to implement community health development activities. Community resources including money, materials and manpower were sorted out and utilized. As a consequence, community leaders and people have been able to continue the project development further. Recommendations were: 1) Regarding policy, the structure of the health care system must be modified to facilitate self-development of service providers within the context of the community; 2) Regarding health services, the servicing pattern should be designed differently to meet health needs of each individual community; 3) In regard to nursing education, health personnel should be prepared with sufficient competency to perform their work at the primary level. Such preparation should be achieved through changes made in the thinking and teaching learning methods in the nursing educational institutes, and 4) Regarding research a study should be conducted to identify approaches for the preparation of personnel, working methods, and tools necessary for primary care delivery.

Abstract: การปฏิรูประบบสุขภาพและนโยบายการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ให้ความสำคัญกับการพัฒนาหน่วย บริการสุขภาพระดับปฐมภูมิ แต่จากการจัดบริการสุขภาพของหน่วยปฐมภูมิตามนโยบายการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วน หน้าพบว่า การทำงานของบุคลากรด้านสุขภาพยังไม่ประสานกลมกลืนกัน ขาดการสร้างความเข้มแข็งและการพัฒนาศักย ภาพขององค์กรต่าง ๆ นอกจากนี้การจัดบริการสุขภาพไม่สอดรับกับสภาพปัญหาและสังคมวัฒนธรรมของชุมชน ดังนั้น ผู้วิจัยจึงได้พัฒนารูปแบบการจัดบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิในชุมชน โดยใช้ฐานความต้องการด้านบริการสุขภาพของ ชุมชนมาเป็นแนวทางในการจัดบริการสุขภาพ กระบวนการพัฒนาใช้รูปแบบการวิจัยเชิงปฏิบัติการที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน (community-based action research) ซึ่งเป็นรูปแบบการวิจัยที่เน้นการมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใน การพัฒนาสุขภาพชุมชน โดยมีขั้นตอนดังนี้ 1) Look ; community study , 2) Think; analyze and identify community problem , 3) Act ; develop strategic planning (vision and mission of community health); implemention and evaluation ผลการศึกษาสรุปได้ดังนี้ ลักษณะความต้องการด้านบริการสุขภาพของชุมชน ได้จากการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของการเจ็บป่วย/ พฤติ- กรรมเสี่ยง กับปัจจัยด้านบุคคลและสภาพการดำเนินชีวิต รวมทั้งปัจจัยลักษณะชุมชนและสิ่งแวดล้อม พบว่า ประชาชนเจ็บ ป่วยด้วยโรคติดเชื้อที่ต้องเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาและโรคเรื้อรัง อันเนื่องมาจากพฤติกรรมเสี่ยงทางด้านสุขภาพ สภาพการ ดำเนินชีวิตและลักษณะสภาพแวดล้อมของชุมชน นอกจากนี้กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทางด้านสุขภาพชุมชนได้กำหนดวิสัย ทัศน์การพัฒนาสุขภาพ คือ “กาย จิต ดี มีน้ำใจ ไร้มลพิษ ตามติดสถานการณ์” รูปแบบของการจัดบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิที่สอดคล้องกับความต้องการด้านบริการสุขภาพของชุมชน คือ ต้องจัดบริการสุขภาพให้เข้าถึงประชาชนและมีความพอเพียงโดยมีพยาบาลวิชาชีพเป็นผู้ให้บริการหลัก ทำหน้าที่เป็นผู้จัด การในกิจกรรมเพื่อสุขภาพร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขชุมชน ผู้นำชุมชน ประชาชน และองค์การบริหารส่วนตำบล ลักษณะของกิจกรรมบริการสุขภาพคือ 1) การให้บริการสุขภาพโดยตรง คือเน้นการบริการรายบุคคลตามกลุ่มเป้าหมาย เช่น บริการการดูแลแก่สตรีมีครรภ์และเด็ก 0-5 ปี การดูแลผู้เจ็บป่วยโรคเรื้องรัง/ผู้พิการ เป็นต้น 2) กิจกรรมการบริการสุขภาพ ชุมชนและกิจกรรมที่สร้างความเข้มแข็งแก่ชุมชน เช่น การจัดการสิ่งแวดล้อมเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพของประชาชน การจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมกระบวนการกลุ่มด้านสุขภาพต่างๆ การร่วมมือกับองค์กรส่วนท้องถิ่นและเครือข่ายในการจัด โครงการเพื่อสุขภาพในชุมชน ผลจากการจัดบริการสุขภาพเพื่อสร้างการเรียนรู้และความเข้มแข็งในชุมชนโดยการจัดโครงการออกกำลังกายใน ชุมชน พบว่าสามารถสร้างการมีส่วนร่วมในการดำเนินการพัฒนาสุขภาพของชุมชนจากหลายภาคส่วนอย่างประสานกลม กลืนกัน มีการนำทรัพยากรของชุมชนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ทั้งในรูปของเงิน วัสดุสิ่งของ และกำลังคน ผลที่เกิดขึ้นผู้นำ ชุมชนและประชาชน สามารถดำเนินการพัฒนาโครงการได้อย่างต่อเนื่อง ข้อเสนอแนะจากการวิจัยครั้งนี้คือ 1) ด้านนโยบายต้องปรับโครงสร้างของระบบบริการสุขภาพที่เอื้อให้ผู้ให้ บริการได้พัฒนารูปแบบการจัดบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิขึ้นตามบริบทของชุมชน 2) ด้านบริการสุขภาพ ควรจัดให้มี ความแตกต่างกันตามลักษณะปัญหาของชุมชน 3) ด้านการศึกษาพยาบาล ควรเตรียมบุคลากรให้มีสมรรถนะที่สามารถ ทำงานในระดับปฐมภูมิ โดยต้องปรับวิธีคิดและการเรียนการสอนของสถาบันการศึกษาพยาบาล และ 4) ด้านการวิจัย ควร ศึกษาวิธีการเตรียมคน วิธีการทำงาน และเครื่องมือในการให้บริการสุขภาพระดับปฐมภูมิ

Mahidol University

Address: NAKHON PATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Somchit Padumanonda

Role: Thesis Advisors

Created: 2004

Modified: 2553-06-10

Issued: 2010-03-30

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

ISBN: 9740448011

CallNumber: TH S774d 2004

eng

DegreeName: Doctor of Public Health

Level: Doctoral Degree

Descipline: Public Health

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4136088.pdf	1.35 MB	276	2025-02-26 10:29:06

ใช้เวลา

0.450808 วินาที