Symptom experience and fatigue management among leukemic children receiving chemotherapy

ประสบการณ์มีอาการและการจัดการกับความอ่อนล้าในผู้ป่วยเด็กโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด

Name: Nopparat Prajimtis

MeSH: Drug Therapy

MeSH: Fatigue

MeSH: Leukemia

LCSH: Symptoms

Abstract: Inevitably, fatigue is the most frequently experienced symptom in leukemic children receiving chemotherapy. This descriptive research aims to explore the fatigue experience, fatigue outcome interference with functional status, and fatigue management strategies in leukemic children receiving chemotherapy. The conceptual framework of this study is based on revised symptom management conceptual model (Dodd et al., 2001). The sample in this study comprised 50 leukemic children between 7-12 years of age, who were receiving chemotherapy at the in-patient department of Ramathibodi Hospital, King Chulalongkorn Memorial Hospital, and Queen Sirikit National Institute of Child Health using purposive sampling from March to September 2003. The questionnaires used to collect data were Characteristics and Clinical data Form, Fatigue Interview Form and Fatigue Management Strategies for Leukemic Children Receiving Chemotherapy Form. Data analysis employed descriptive statistics. The results of this study showed that 72% of leukemic children reported fatigue experience as physical changes such as headache, dizziness, etc. Severity of fatigue was in moderate level (Mean=5.52,S.D.=2.07). The leukemic children reported the highest feeling of fatigue in the afternoon, 62%. Additionally, 80% of leukemic children reported on causes of fatigue resulting from chemotherapy. The most physical response reported by leukemic children was muscle fatigue and pain, 86%. The psychological and emotional responses resulting from fatigue were anxiety and fear (70%). The behavioral response reported most was drowsiness and low spirits, 74%. Fatigue outcomes interfere with functional status at moderate level. Sleep was the best management strategy chosen by leukemic children to cope with fatigue 100% and was found to be the most effective strategy. The results of this study suggest that nurses should assess fatigue and fatigue response and select appropriate management strategies to relieve fatigue in each leukemic child so that, the patient could manage fatigue effectively, thus promoting quality of life

Abstract: ความอ่อนล้าเป็นอาการที่พบได้เสมอ และเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในผู้ป่วยเด็กโรคมะเร็งเม็ดเลือด ขาวที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงบรรยาย เพื่อศึกษาประสบการณ์ความอ่อนล้า ผลของความอ่อนล้าที่รบกวนภาวะ การทำหน้าที่ตามการรับรู้ของผู้ป่วยเด็ก และกลวิธีการจัดการกับความอ่อนล้า ในผู้ป่วยเด็กโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวด้วยยาเคมีบำบัด กรอบแนวคิดที่ใช้ในงานวิจัยนี้ คือ แบบจำลองการจัดการ กับอาการของดอดดและคณะ กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยเด็กโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว อายุระหว่าง 7-12 ปีจำนวน 50 คน เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยยาเคมีบำบัดที่หอผู้ป่วยในโรงพยาบาลรามาธิบดี, โรงพยาบาล จุฬาลงกรณ์และสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี จังหวัดกรุงเทพมหานคร โดยเลือกกลุ่มตัวอย่างตาม คุณสมบัติที่กำหนด ระยะเวลาในการเก็บข้อมูลระหว่างเดือนมีนาคมถึงกันยายน 2546 เก็บข้อมูลโดยใช้แบบ บันทึกข้อมูลทั่วไป, แบบสัมภาษณ์ความอ่อนล้าและแบบสัมภาษณ์กลวิธีการจัดการกับความอ่อนล้าในผู้ป่วยเด็ก โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติบรรยาย ผลการวิจัยพบว่า ลักษณะของความอ่อนล้าตามการรับรู้ของผู้ป่วย ส่วนใหญ่เป็นการรับรู้เกี่ยวกับอาการ เปลี่ยนแปลงทางร่างกาย เช่น ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ เป็นต้นร้อยละ 72 ระดับความอ่อนล้าของกลุ่มตัวอย่างอยู่ใน ระดับปานกลาง (Mean=5.52,S.D.=2.07) ช่วงเวลาที่ผู้ป่วยเด็กรู้สึกว่ามีระดับความอ่อนล้ามากที่สุด คือ ช่วงเวลา กลางวันร้อยละ 62 ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดความอ่อนล้า คือ การที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด ร้อยละ 80 การตอบสนองต่อความอ่อนล้าทางด้านร่างกาย ผู้ป่วยเด็กโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวระบุมากที่สุด คือ อาการปวดเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว ร้อยละ 86 การตอบสนองต่อความอ่อนล้าทางด้านจิตใจและอารมณ์ ผู้ป่วยเด็ก โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวระบุมากที่สุด คือ อาการวิตกกังวลหรือกลัวในสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง ร้อยละ 70 การตอบสนองต่อความอ่อนล้าทางด้านพฤติกรรม ผู้ป่วยเด็กโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวระบุมากที่สุด คือ มีอาการ เซื่องซึม เช่น เหงาหงอย ไม่พูดไม่จา ไม่เบิกบาน ร้อยละ 74 ผลของความอ่อนล้าที่มีต่อการรบกวนภาวะการทำ หน้าที่ของร่างกายในระดับปานกลาง วิธีการจัดการที่ผู้ป่วยเด็กโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวนำมาใช้ในการจัดการกับ ความอ่อนล้าที่เกิดขึ้นมากที่สุด คือ การนอนหลับ ร้อยละ 100 วิธีการจัดการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด คือ การ นอนหลับ จากผลการศึกษาเสนอแนะว่าพยาบาลควรมีความตระหนักในการประเมินความอ่อนล้าและการ ตอบสนองที่เกิดจากความอ่อนล้าและเลือกวิธีการจัดการกับความอ่อนล้าให้มีความเหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละ คนเพื่อให้ผู้ป่วยจัดการกับความอ่อนล้าที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

Mahidol University

Address: NAKHON PATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Wilai Leesuwan

Role: Thesis Advisors

Created: 2004

Modified: 2553-03-22

Issued: 2010-02-12

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

ISBN: 9740450008

CallNumber: TH N821s 2004

eng

DegreeName: Master of Nursing Science

Level: Master's Degree

Descipline: Pediatric Nursing

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4436609.pdf	2.85 MB	202	2023-12-13 10:07:58

ใช้เวลา

-0.735866 วินาที