The effect of exercise intervention on bone mineral accretion in 7-9 year-old Thai girls

ผลของการเพิ่มการออกกำลังกายต่ออัตราการเพิ่มมวลกระดูกของเด็กหญิงไทยอายุ 7-9 ปี

Name: Purisa Wecharak

MeSH: Bone Density

MeSH: Exercise

LCSH: Girls -- Thailand

Abstract: Physical activity and nutrition can enhance bone mineral accretion during childhood for the prevention of osteoporosis in later life. My aim was to assess the effect of a seven months school-based exercise intervention program on bone mineral accretion in prepubertal girls and to assess their dietary calcium intake. One hundred ninety eight healthy prepubertal girls, aged between 7-9 years, recruited from four primary schools were assigned to an exercise intervention group and a control group. The exercise intervention consisted of 30-40-minute physical education sessions, three times per week. The physical activity program included weight-bearing activities, such as skipping, hopping, and ball games. The control group had one physical education session per week. Bone mineral density and bone mineral content (measured by dual energy x-ray absorptiometry) and dietary calcium intake and usual physical activity (assessed by questionnaires) were determined at baseline and at the end of the study. The mean value of dietary calcium intake of all girls was 450 mg/day, approximately 56% of the Thai recommendation. After seven months, the exercise intervention group had significantly greater gain of femoral neck bone mineral content (5.4%) and spine (1.3%) and femoral neck bone mineral density (2.1%) than the control group. In conclusion, seven months school-based weight-bearing exercise intervention is benificial for bone mineral accretion in prepubertal Thai girls.

Abstract: การออกกำลังกายและภาวะโภชนาการที่ดีตั้งแต่วัยเด็กสามารถช่วยเพิ่มมวลกระดูกให้ถึง จุดสูงสุด เพื่อเป็นการป้องกันโรคกระดูกพรุนในช่วงปลายของชีวิต ดังนั้นจึงได้ทำการศึกษา ประสิทธิภาพของการออกกำลังกายแบบรับน้ำหนักเป็นเวลา 7 เดือน ต่ออัตราการเพิ่มมวลกระดูก ของเด็กหญิงไทย นอกจากนี้ได้ทำการสำรวจปริมาณแคลเซียมที่ได้รับจากอาหารของเด็กหญิกลุ่ม นี้การศึกษาครั้งนี้ทำโดยแบ่งเด็กเป็น 2 กลุ่ม ซึ่งแต่ละกลุ่มจะมาจาก 2 โรงเรียน กลุ่มทดลอง (Intervention group) เป็นกลุ่มที่ได้รับการเสริมการออกกำลังกายแบบรับน้ำหนัก 30-40 นาทีใน ชั่วโมงพละเป็นเวลา 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เช่น กระโดดเชือก กระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง แชร์บอล ส่วน กลุ่มควบคุม (Control group) ได้รับการออกกำลังกายตามตารางสอนของโรงเรียน คือ 1 ครั้งต่อ สัปดาห์ตามปกติ มีการวัดปริมาณแร่ธาตุ (bone mineral content; BMC) และความหนาแน่น (bone mineral density; BMD) ของกระดูกสันหลัง (spine) และกระดูกส่วนต้นขา (femoral neck) โดย dual-energy x-ray absorptiometry การประเมินการบริโภคแคลเซียมจากอาหาร และกิจกรรม ทางกายปกติ โดยใช้แบบสัมภาษณ์ความถี่ในการบริโภคอาหารย้อนหลัง 1 เดือน และแบบ สัมภาษณ์กิจกรรมการเคลื่อนไหวทางกาย ดำเนินการที่เวลาเริ่มต้นและจบการศึกษา ผลกาศึกษา พบว่า ปริมาณแคลเซียมที่ได้รับเฉลี่ยต่อวันคือ 450 มิลลิกรัม คิดเป็น 56% ของปริมาณที่ควร ได้รับ และพบว่าเด็กกลุ่มที่ได้รับการเพิ่มการออกกำลังกายเป็นเวลา 7 เดือน มีการเพิ่มขึ้นของ ความหนาแน่นของกระดูกต้นขา (2.1%) และกระดูกสันหลัง (1.3%) รวมทั้งปริมาณแร่ธาตุของ กระดูกต้นขา (5.4%) เพิ่มมากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) สรุปผลการศึกษาการเพิ่มการออกกำลังกายแบบรับน้ำหนัก ระยะเวลานาน 7 เดือน เป็น วิธีที่มีประสิทธิภาพต่ออัตราการเพิ่มมวลกระดูกในเด็กหญิงไทย

Mahidol University

Address: NAKHON PATHOM

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: Umaporn Suthutvoravut

Role: Thesis Advisors

Created: 2004

Modified: 2553-03-16

Issued: 2010-02-09

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

ISBN: 9740448143

CallNumber: TH P985e 2004

eng

DegreeName: Master of Science

Level: Master's Degree

Descipline: Nutrition

Grantor: Mahidol University

©copyrights Mahidol University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	4236415.pdf	3.14 MB	74	2023-02-20 09:04:24

ใช้เวลา

0.264298 วินาที