แจ้งเอกสารไม่ครบถ้วน, ไม่ตรงกับชื่อเรื่อง หรือมีข้อผิดพลาดเกี่ยวกับเอกสาร ติดต่อที่นี่ ==>
หากไม่มีอีเมลผู้รับให้กรอก thailis-noc@uni.net.th
หากไม่มีอีเมลผู้รับให้กรอก thailis-noc@uni.net.th
กิตติ อินทรกุล. ปัญหา อุปสรรค และแนวทางในการนำนโยบายและแผนการป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหาการค้าหญิงและเด็กไปสู่การปฏิบัติ. ปริญญาโท(ยุทธศาสตร์การพัฒนา). มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ. : มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต, 2553.
ปัญหา อุปสรรค และแนวทางในการนำนโยบายและแผนการป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหาการค้าหญิงและเด็กไปสู่การปฏิบัติ
Problems, Obstacles and Guidelines to Implement the National Policy and Plans for Human Trafficking
Name: กิตติ อินทรกุล
Organization :
มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต. บัณฑิตวิทยาลัย
keyword:
สิทธิมนุษยชน
ThaSH:
การค้าประเวณี
-- วิจัย
Classification :.DDC: 364.1534
ThaSH:
อาชญากรรมทางเพศ
-- วิจัย
Abstract:
การศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการนานโยบายและแผนการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหาการค้าเด็กและหญิงภายในประเทศและข้ามชาติ ไปสู่การปฏิบัติ และเพื่อศึกษาแนวทางการนานโยบายและแผน การป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหาการค้าเด็กและหญิงภายในประเทศและข้ามชาติ ไปสู่การปฏิบัติโดยมุ่งศึกษาในประเด็นการค้าเด็กและหญิง การศึกษาครั้งนี้ ใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้วิธีการวิจัยเอกสาร (Documentary study) และการสัมภาษณ์ระดับลึก (In-depth interview) โดยคัดเลือกผู้ให้ข้อมูลหลัก (Key informants) แบบเจาะจง ประกอบด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จานวน 3 คน เจ้าหน้าที่ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จานวน 5 คน และผู้ปฏิบัติงานในองค์กรพัฒนาเอกชนซึ่งเกี่ยวข้องกับการดาเนินงาน เรื่อง การป้องกัน ปรามปราม และแก้ไขปัญหาการค้าหญิงและเด็ก จานวน 2 คน รวมทั้งสิ้น 10 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์เชิงพรรณนา เพื่อบรรยายหรืออธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับปัญหาที่ค้นพบ ด้วยการพรรณนาข้อมูลครอบคลุมสาระสาคัญของวัตถุประสงค์ ผลการวิจัยปัญหา อุปสรรค และแนวทางในการนานโยบายและแผนการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหาการค้าเด็กและหญิง ไปสู่การปฏิบัติ สรุปได้ดังนี้
1. ด้านความชัดเจนของนโยบายและแผนระดับชาติ พบว่า ผู้ปฏิบัติมีความจาเป็นที่จะต้องเข้าใจถึงแผนงานการดาเนินโครงการอย่างถูกต้องและชัดเจนเพื่อลดปัญหาที่เกิดขึ้นจากการทางานที่ ซ้าซ้อน ขาดความต่อเนื่องและการแก้ไขปัญหาไม่ตรงตามสภาพความเป็นจริง ดังนั้น จึงควรส่งเสริม สนับสนุนการศึกษา ทาวิจัย เก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบเรื่องการค้ามนุษย์ เพื่อนาผลการวิจัย มาเพิ่มศักยภาพ จัดทานโยบาย ยุทธศาสตร์ และมาตรการฯ ให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาในภาพรวมของประเทศ และสามารถนาไปเป็นแนวทางปฏิบัติได้จริง ครอบคลุม และป้องกันและปราบปรามได้ในระยะยาว 2. ด้านทรัพยากร พบว่า การกระจายงบประมาณยังไม่มีความชัดเจนไม่ครอบคลุมปัญหาของแต่ละพื้นที่ การจัดสรรงบประมาณอิงอยู่กับสภาพทางการเมืองบางกิจกรรมขาดงบประมาณสนับสนุนในขณะที่บางกิจกรรมมีความซ้าซ้อนในการใช้งบประมาณ ทาให้การดาเนินงานไม่คล่องตัว การติดตามคดีมีปัญหาเพราะขาดงบประมาณ จึงควรกาหนดงบประมาณให้ชัดเจนต่อการปฏิบัติงาน ผลักดันการแก้ไขปัญหาเชิงนโยบาย ให้ความสาคัญในการประมวลปัญหาเทคโนโลยีสารสนเทศ สร้างกลไกในการจัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นการค้ามนุษย์เพื่อให้เกิดการประสานข้อมูลและพัฒนาข้อมูลให้ทันสมัยอยู่เสมอ โดยจัดให้มีการจัดทาระบบข้อมูล (Data base) 3. การสื่อสารระหว่างองค์การและกิจกรรมสนับสนุนในการนานโยบายไปปฏิบัติ พบว่า ปัจจัยที่ทาให้การสื่อสารระหว่างองค์กรและกิจกรรมส่งเสริมการนานโยบายไปปฏิบัติ ไม่ประสบผลสัมฤทธิ์ ประสบการณ์ร่วมในการรับและถ่ายทอดนโยบาย การนานโยบายมาถ่ายทอดในหน่วยงานระดับปฏิบัติจาเป็นต้องมีขบวนการในการสื่อสารที่มีการขับเคลื่อนเพื่อไปสู่เป้าหมาย ทัศนคติของผู้ที่นานโยบายมาถ่ายทอดนั้นส่งผลให้เกิดการบิดเบือนเป้าหมายและวัตถุประสงค์การ กลั่นกรองข้อมูลของผู้รับนโยบายที่ไม่ตรงตามความเป็นจริง จึงควรมีระบบการติดตามผลและให้ข้อมูลย้อนกลับ เพื่อใช้ในการตรวจสอบนโยบายที่ส่งไปว่าหน่วยงานระดับปฏิบัติเข้าใจตรงกับหน่วยงานระดับบังคับบัญชาเพียงใด ควรมีการจาแนกนโยบายออกเป็นส่วนที่ชัดเจนและให้หน่วยงานระดับปฏิบัติการรู้เท่าที่จาเป็น ควรจัดให้มีศูนย์กลางข้อมูล ซึ่งจะเป็นวิธีการการสื่อสารที่รวดเร็วและยืดหยุ่น 4. ด้านลักษณะของหน่วยงานที่นานโยบายไปปฏิบัติพบว่า การใช้หน่วยงานที่มีอยู่แล้วในการดาเนินการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหาการค้าหญิงและเด็ก ควรจัดให้มีการทาแผนปฏิบัติการในระดับพื้นที่โดยใช้กรอบนโยบายและแผนระดับชาติ เรื่อง การป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหาการค้าหญิงและเด็กภายในประเทศและข้ามชาติ เป็นเกณฑ์เพื่อให้แผนปฏิบัติการในระดับพื้นที่มีความเป็นเอกภาพ ควรเพิ่มบทบาทแก่เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์จังหวัด ให้มีความสาคัญและมีบัตรประจาตัวที่สามารถแสดงตนได้ต่อการปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงาน 5. ด้านทัศนคติของเจ้าหน้าที่ที่มีต่อแผนพบว่า เจ้าหน้าที่มองว่าคดีการค้าเด็กและหญิงไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ จึงไม่ให้ความสาคัญในการดาเนินการ มีการใช้การตีความกฎหมายเป็นข้อต่อรองเพื่อเรียกร้องผลประโยชน์อันมิชอบ และไม่สามารถเอาผิดผู้ร่วมในกระบวนการ จากการขาดความรู้ความเข้าใจในกฎหมายที่เกี่ยวข้องส่งผลให้รูปคดีมีการเปลี่ยนแปลง จึงควรจัดอบรมแก่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้มีความชัดเจนถึงแนวคิดว่าด้วยนิยามของการค้ามนุษย์ นิยามของเหยื่อการค้ามนุษย์ เพิ่มค่าตอบแทนแก่ผู้ปฏิบัติงานเสี่ยงต่อผู้มีอิทธิพลและอันตรายต่อชีวิตด้วยเพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน เพิ่มความพยายามในการสอบสวน ดาเนินคดี และพิพากษาลงโทษเจ้าหน้าที่ที่ทุจริตคอร์รัปชั่น 6. สภาพแวดล้อมทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม พบว่า เงื่อนไขทางภูมิศาสตร์เอื้อต่อการเกิดขึ้นของกระบวนการค้าหญิงและเด็ก ปัญหาความไม่สงบของการเมืองภายในประเทศเพื่อนบ้านทาให้เกิดการอพยพของแรงงานต่างด้าวเข้ามาในประเทศ สภาพเศรษฐกิจที่หมุนเวียนดี ก็ก่อให้เกิดการหลั่งไหลของแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน ปัจจัยทางสังคมวัฒนธรรม ของบางพื้นที่ส่งผลให้เกิดการค้าหญิงอย่างเปิดเผย ดังนั้น ควรส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือระหว่างประเทศ ผลักดันให้มีประเด็นทางสังคมบรรจุอยู่ในวาระการประชุมระหว่างประเทศในภูมิภาค สนับสนุนให้ทุกฝ่ายเล็งเห็นถึงความสาคัญในการกาหนดนโยบายและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และควรให้กองอานวยการรักษาความมั่นคงภายในเข้ามามีส่วนร่วมด้วยเนื่องจากปัญหาการค้ามนุษย์เกี่ยวโยงกับความมั่นคงของประเทศและการร่วมเป็นภาคีและความร่วมมือในอนุสัญญา ปฏิญญาและพิธีสารต่าง ๆ โดยปัจจัยกาหนดความสาเร็จหรือความล้มเหลวของการนานโยบายไปปฏิบัติจากตัวแบบทางทฤษฎีการนานโยบายไปปฏิบัติของแวน มิเตอร์ และแวน ฮอร์น พบว่า การนาเอานโยบายไปปฏิบัติอย่างประสบความสาเร็จนั้นมีอยู่หลายประการ เช่น ขีดสมรรถนะหน่วยงานที่รับผิดชอบในการปฏิบัติตามนโยบาย ความชัดเจนของตัวนโยบาย และกระบวนการในการติดต่อสื่อสาร การให้ความร่วมมือสนับสนุนจากผู้ปฏิบัติงาน และยังให้ความสาคัญต่อปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอกทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม สอดคล้องกับผลการศึกษาความชัดเจนของนโยบายและแผนระดับชาติ เรื่อง การป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหาการค้าเด็กและหญิงภายในประเทศและข้ามชาติ การสื่อสารระหว่างองค์การและกิจกรรมสนับสนุนการนานโยบายไปปฏิบัติ ลักษณะของหน่วยงานที่นานโยบายไปปฏิบัติ ทรัพยากร ทัศนคติของเจ้าหน้าที่ที่มีต่อนโยบายและแผนและสภาพแวดล้อมทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมซึ่งพบว่า นโยบายและแผนระดับชาติความสาเร็จได้นั้นจาเป็นต้องจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นในด้านต่างๆเหล่านี้ให้ลุล่วงเสียก่อน
Abstract:
The purposes of this research were to compile problems and obstacles to preventing and suppressing human trafficking in Thailand and its 18 centers, and propose guidelines for solving the problems concerning the trafficking of children and women. The research employed a qualitative design, and used document analysis, and an in-depth interview as research tools to collect the data. The key informants for the study included 3 administrators and 5 officials from the Ministry of Social Development and Human Security, as well as 2 staff who were working in private institutions relating to preventing and suppressing human trafficking.
There were six problems that occurred;
1) The national policy and plans relating to human trafficking: it was found that the staff and officials did not understand clearly about the policy and plans regarding human trafficking. Therefore, a study should be conducted to find out the actual problems that occurred in Thailand, and the results of the study can be used for planning the policy, strategies, and measures to suppress and prevent human trafficking in a more effective way.
2) Budget and resources: there was insufficient budget for implementing the work of human trafficking, and an ineffective way of allocating the budget for each activity. The researcher also pointed out the need for improving the data base as a source of budget allocation.
3) Communication system: there was no effective communication system within the organizations from the policy makers at the top to the officers in the lower levels, which caused misunderstanding and inefficient practice in preventing and suppressing human trafficking. Therefore, a follow- up and feedback process is needed to check whether the information from the policy maker was correctly conveyed to the officials in the lower levels. Besides this, the policy should be clearly organized and managed by the information center, which could communicate the policy to different units faster and more effectively. 4) Decentralization: the government should establish a human trafficking center in each province, and assign the provincial officials to have more authority to deal with the problems of human trafficking in each province. 5) Attitudes of the officials: Some officials neglected this problem, while others received benefits from human trafficking. Therefore, there should be a training for these personnel to understand human trafficking. Rewards should be given to motivate officers, while punishments should be strictly applied to corrupt officers. 6) Socio economic environment of the country: there were many factors which caused more problems about human trafficking in Thailand including geographical features, unrest in neighboring countries, and the good economy of Thailand. Therefore, cooperation among countries in this region should be encouraged. Social issues should be raised for discussion during international meetings. The Internal Security Operations Command of the country should participate in solving this problem also. Suggestions for policy makers: sufficient budget should be allocated to solve the problem of human trafficking in Thailand. Every related institution should propose its budget to the The National Anti-Corruption Commission which was chaired by the Prime Minister of Thailand. There should be a center for networking the information about human trafficking at the national and regional level. Suggestions for operators: continue to empower and train the officers with knowledge and skills in dealing with human trafficking problems, and motivate them by providing them with growth in a career path and training. Apart from this, there should be a follow- up process to check if the implementation of preventing and suppressing human trafficking was conducted based on the policy and plans. This could help to modify and improve the plan more effectively.
มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
Address:
ภูเก็ต
Email:
library@pkru.ac.th
Name: ชิรวัฒน์ นิจเนตร
Role:
ประธานกรรมการที่ปรึกษา
Created:
2553
Modified:
2554-07-17
Issued:
2554-07-17
วิทยานิพนธ์/Thesis
application/pdf
CallNumber:
TH 364.1534 ก34ป
tha
Spatial:
ไทย
DegreeName: ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต
Level: ปริญญาโท
Descipline: ยุทธศาสตร์การพัฒนา
Grantor: มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต
©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต
RightsAccess:
ใช้เวลา
0.048621 วินาที
กิตติ อินทรกุล
| Title | Contributor | Type |
|---|---|---|
| ปัญหา อุปสรรค และแนวทางในการนำนโยบายและแผนการป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหาการค้าหญิงและเด็กไปสู่การปฏิบัติ
มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต กิตติ อินทรกุล | ชิรวัฒน์ นิจเนตร | วิทยานิพนธ์/Thesis |
ชิรวัฒน์ นิจเนตร