แจ้งเอกสารไม่ครบถ้วน, ไม่ตรงกับชื่อเรื่อง หรือมีข้อผิดพลาดเกี่ยวกับเอกสาร ติดต่อที่นี่ ==>
หากไม่มีอีเมลผู้รับให้กรอก thailis-noc@uni.net.th
หากไม่มีอีเมลผู้รับให้กรอก thailis-noc@uni.net.th
ยุทธนา กนกนาก. รูปแบบการพัฒนาครอบครัวเป็นสุขจากอัตลักษณ์กลุ่มชาติพันธุ์ : กรณีศึกษากลุ่มชาติพันธุ์บรูในประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว. ปริญญาเอก(ยุทธศาสตร์การพัฒนาภูิมิภาค (กลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง)). surindra rajabhat university. : มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์, 2553.
รูปแบบการพัฒนาครอบครัวเป็นสุขจากอัตลักษณ์กลุ่มชาติพันธุ์ : กรณีศึกษากลุ่มชาติพันธุ์บรูในประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
A model for development of a happy family ethnic identity : a case study of Bru ethnic group in Thailand and Lao people's democratic republic
Name: ยุทธนา กนกนาก
Address:
4 ซอยราษฎร์วิทยา อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
keyword:
ครอบครัว
Classification :.DDC: 306
;
บรู
Abstract:
การศึกษาวิจัยเรื่อง รูปแบบการพัฒนาครอบครัวเป็นสุขจากอัตลักษณ์กลุ่มชาติพันธุ์ กรณีศึกษากลุ่มชาติพันธุ์บรในประเทศไทยและในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวมีวัตถุประสงค์ในการวิจัยคือ 1. เพื่อศึกษาอัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์และความเป็นสุขของครอบครัวกลุ่มชาติพันธุ์บรูในประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 2. เพื่อสร้างรูปแบบการพัฒนาสถาบันครอบครัวเป็นสุขจากอัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์บรูในประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ขอบเขตด้านเนื้อหา ศึกษาครอบครัวในบริบทชาติพันธุ์บรูและอัตลักษณ์ที่สำคัญได้แก่อัตลักษณ์ด้านภาษา ความเชื่อ การนับถือผี จารีตประเภณีและพิธีกรรม ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนารูปแบบครอบครัวเป็นสุขของกลุ่มชาติพันธุ์บรู โดยวิธีการเก็บข้อมูลโดยใช้ระเบียบวิจัยทางมานุษยวิทยาเป็นหลัก และการใช้เทคนิคในการวิจัยแบบชาติพันธุ์วรรณนา วิเคราะห์สามเส้า ประวัติศาสตร์เปรียบเทียบและขบวนการอย่างมีส่วนร่วม นำเสนอผลการวิจัยแบบพรรณนาวิเคราะห์
ผลการศึกษาพบว่า
1. ประเด็นการศึกษาอัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์บรูและความเป็นสุขของครอบครัวกลุ่มชาติพันธุ์บรในประเทศไทยและในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว พบว่า
ประการแรก จากบริบทของหมู่บ้านทั้งสองไม่มีสิ่งใดที่แตกต่างกัน ยังคงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ของครอบครวไว้ได้เหมือนเดิมถึงแม้จะมีความแตกค่างทางด้านการปกครองของประเทศชาวบรูทั้งสองฝั่งมีความสัมพันธ์ทางเครือญาติที่แน่นแฟ้น มีการข้ามไปมาหาสู่อยู่เสมอ จากการศึกษาประวัติชุมชนทั้งสองหมู่บ้านพบว่า เมื่อในอดีตกลุ่มชาติพันธุ์บรูอยู่บนภูกางเฮืองเป็นที่สูงมีการดำรงชีพอยู่ด้วยการทำไร่เลื่อนลอย จับสัตว์ป่ามาเป็นอาหาร ชาวบรูเป็นพวกรักสงบรักถิ่นฐานของตนเอง แต่ได้อพยพลงจากภูกางเฮือนเพราะหนีภัยธรรมชาติลงมาอยู่ที่บ้านลาดเสือในปัจจุบัน ต่อมาประมาณในปีพ.ศ. 2475 ชาวบรูได้อพยพหนีภัยอีกครั้งหนึ่งข้ามมาอยู่ฝั่งขวาของแม่น้ำโขงซึ่งเป็นชาวบรูบ้านเวิกบึกในปัจจุบัน ดังนั้นอัตลักษณ์ครอบครัวของกลุ่มชาติพันธุ์บางส่วนได้การเลือนหาย
ประการที่สอง ชาวบรูมีความเชื่อฮีตหรือผีบรรพบุรุษประจำคุ้มบ้านของตน ฮีต เปรียบเหมือนกฎที่ต้องปฏิบัติ ละเมิดไม่ได้ โดยมีจารโปเป็นผู้ตัดสิ้นชี้ขาด ทุกคนต้องเชื่อฟังจารโป ซึ่งเป็นสัญญาลักษณ์ร่วมของกลุ่มชาติพันธุ์บรูทั้งสองฝั่งโขง แต่ละสายตระกูลมีผีบรรพบุรุษของตนเองที่ต้องเซ่นไหว้ การจัดพิธีกรรมเซ่นไหว้ผี ได้สร้างความศรัธา ให้ชาวบรูมีความยึดมั่นในขนบธรรมเนียมประเพณี ทำให้ตนเองมีคุณค่า มีความสุขในครอบครัว มีความสุขในการอยู่ร่วมกันความเชื่อในเรื่องผีบรรพบุรุษ ทำให้เกิดอัตลักษณ์ของครอบครัวกลุ่มชาติพันธุ์บรูในวิถีประชาในการดำรงชีวิต ได้แก่อัตลักษณ์ในด้านอาหาร อัตลักษณ์ในด้านที่อยู่อาศัย อัตลักษณ์ด้านเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายและอัตลักษณ์ทางด้านสุขภาพ ทำให้ทุกคนในครอบครัวมีความสุข
ประการที่สาม อัตลักษณ์ทางภาษาพูดของชาวบรูทั้งสองฝั่งโขง เป็นอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมทางภาษาของชาวบรูบ้านเวินบึกมีภาษาพูด ซึ่งชาวบรูมีวัฒนธรรมการสื่อสารสามภาษาคือ ภาษาบรู จะใช้พูดกับชาวบรูด้วยกัน ซึ่งแสดงถึงความเป็นกลุ่มหรือพวกพ้องเดียวกัน นอกจากนี้ยังใช้ในการประกอบพิธีกรรมบางอย่างเช่น การคอบผีจำนักเป็นต้น สองภาษาไทยลาว ชาวบรูจะใช้พูดกับคนไทย-ลาวที่เดินทางเข้าไปติดต่อค้าขายในหมู่บ้านหรือเวลาที่เดินทางเข้าไปในเมือง ภาษาไทยกลาง จะใช้พูดในโอกาสที่ติดต่อกับเจ้าหน้าที่หรือข้าราชการ ชาวบรูจะไม่พูดภาษาบรูกับคนที่มาจากที่อื่น เนื่องจากชาวบรูมีความรู้สึกว่าภาษาของตนเป็นภาษาของชนเผ่าที่มีความยากจนเป็นภาษาของชนกลุ่มน้อย เกรงว่าเมื่อพูดไปแล้วจะเป็นที่ดูถูกเหยียดหยามของคนทั่วไป อัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาวบรูจะค่อยๆ มีคนใช้น้อยลง
ประการที่สี่ องค์ประกอบตัววัดความเป็นสุขของครอบครัวกลุ่มชาติพันธุ์บรู
จากทฤษฎี งานวิจัยและวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องทั้งหมดสรุปได้ว่า องค์ประกอบของความสุขของครอบครัวกลุ่มชาติพันธุ์บรูประกอบด้วยความต้องการพื้นฐานทางร่างกาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับการมีกินมีอยู่ตามสมควร ความเป็นอยู่ทางกายภาพ ที่อยู่อาศัย การศึกษา อาชีพ สถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคม องค์ประกอบด้านจิตใจ เกี่ยวข้องกับสัมพันธภาพในครอบครัว ความสบายใจ การรักใคร่ปรองดอง ความรักความเข้าใจ การรับฟังความคิดเห็น การขัดแย้งหรือการทะเลาะวิวาทในครอบครัวปละองค์ประกอบโครงสร้างของครอบครัว ได้แก่ การอยู่พร้อมหน้าของครอบครัว ครอบครัวเดี่ยว ครอบครัวขยาย ครอบครัวแตกแยก หย่าร้าง หรือแยกกันอยู่ ครอบครัวที่ยากจน และครอบครัวที่ทำหน้าที่ไม่เหมาะสม ซึ่งผู้วิจัยได้นำองค์ประกอบของความเป็นสุขของครอบครัวจากที่ทบทวนมา คือ องค์ประกอบด้านความต้องการพื้นฐาน ด้านจิตใจ ด้านโครงสร้างครอบครัว เป็นกรอบในการพิจารณาเครื่องชี้วัดจากทัศนะของชาวบ้าน
ตัวชี้วัดความเป็นสุขของครอบครัวประกอบด้วย แนวคิดเกี่ยวกับความเป็นสุข เกณฑ์และตัวชี้วัดความเป็นสุข รวมทั้ง แนวคิด ทฤษฎีและผลงานที่เกี่ยวข้อง พบว่า ตัวชี้วัดความเป็นสุขของครอบครัว ประกอบด้านภาวะนิสัย ได้แก่ ตัวชี้วัดด้านการปรับปัจจัยพื้นฐานสภาวะความเป็นที่อยู่ที่ดี พัฒนาการของครอบครัว ครอบครัวมีโครงสร้างและองค์ประกอบสมบรูณ์ ความสามารถในการพึ่งตนเอง การส่งเสริมให้สมาชิกได้รับการศึกษา และองค์ประกอบด้านจิตวิสัย ได้แก่ ตัวชี้วัดด้านการได้รับความสุขทางจิตใจ สัมพันธภาพในครอบครัว การมีชีวิตที่สงบมีคุณธรรมการยึดมั่นในขนบธรรมเนียมประเพณีและค่านิยมของคนในสังคม
2. การสร้างรูปแบบการพัฒนาครอบครัวเป็นสุข ในด้านความสุขของกลุ่มชาติพันธุ์บรูจากทัศนะชาวบ้านเวินบึกและชาวบ้านลาดเสือ ชาวบ้านให้ความหมายของความสุขสะท้อนมาจากความเป็นอยู่ของครอบครัวของกลุ่มชาติพันธุ์บรู โดยการประชุมเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมสรุปเป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาครอบครัวเป็นสุขได้ 6 ประการ คือมีสิ่งแวดล้อมดี กินดีอย่างพอเพียงและงดสารเคมี ความมั่นคงปลอดภัยในทรัพย์สิน จิตใจที่ดี สุขกายสุขใจและอยู่อย่างเป็นสุขให้คนในชุมชนช่วยดูแลบุตรหลานซึ่งกันและกันการศึกษาดีมีกระบวนการเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและไม่ทิ้งคุณธรรมวัฒนธรรม ศาสนาและประเพณี เมื่อบรูณาการตัวชี้วัดแล้วพบว่าชาวบรูให้ความสำคัญตามลำดับคือ ความสุขในด้านความเป็นอยู่ที่ดีและปลอดภัย ความสุขด้านเศรษฐกิจที่มีกินมีใช้ ด้านการดำรงชีพอย่างพอเพียงและด้านจิตใจที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ตามลำดับ นำตัวชี้วัดที่ผ่านการวิเคราะห์และประมวลผลแล้วมาสร้างรูปแบบการพัฒนาครอบครัวเป็นสุขนำรูปแบบการพัฒนาครอบครัวเป็นสุขเผยแพร่กับกลุ่มชาติพันธุ์บรูทั้งสองฝั่งโขงต่อไป
Abstract:
The research on a model for development of a happy family on ethic identity : a case study of the Bru ethic group in Thailand and Lao peoples Democratic republic had the following objectives 1. to study the identity of Bru ethic group and happiness of the Bru family ethic group in Thailand and Lao peoples democratic republic 2. to build a model for development of a happy family on ethic identity of the Bru ethic group in Thailand and Lao peoples democratic republic. Concerning content limitation, the author studied the families in the context of the Bru ethic group and their significant identities which were the linguistic identity, the belief, the worship of spirits, the customs, traditions, and rituals. These led to development of a happy family of the Bru ethic group . through data collection was done using mainly the anthropological research method, the tree-pronged analysis, historical comparison, and participative process. The study findings are them presented in descriptive analysis form.
The following are the study finding :
1. Concerning the study of the identity of the Bru ethic families and a happy family of the Bru ethic group on both sides of the Mekong river, it was found that.
Firstly, from the study of the contexts of the Bru ethic group in wernbug village on the Thai side and Lasua villages still maintained their identity in spite of their difference in the government of the countries, The Bru were closely family-related . they always crossed the river to visit one another. It was found from a study of the communities that in the past the Bru ethnic group lived on phu (mountain) kanghuan and earned their living by farming on mobile plantation and hunting. The Bru were praceful and loved their homeland. Anyway, they had to move from pku kanghuan because of natural disasters to Ladsua village. Later in B.E. 2457, they had to move again to the right side of Mekong river to the present wernbug village, for this reason some of their identities faded out.
Secondly, the Bru believed in Heet, the ancestral spirit of their village. Heet was like the law and order that one had to follow. Jarn Po, a symbol respected on both sides of the Mekong river, would punish anyone who violated heet. Besides, each clan had their own spirit to make offerings. Making offerings to spirits encouraged everyone to uphold the customs and traditions and made them feel they are someone important. This brought happiness to each family and to the whole community. Furthermore, worshipping the ancestral spirts brought about the identity of the Bru ethnic group in leading their lives-the identity of their food, home clothing, and health-making everyone in families happy.
Thirdly, the linguistic identity of the people on both sides of the Mekong river enabled the wernbug villagers to communicate in three languages. They speak Bru among them to show that they were from the same community ; they were related or friends. The Bru language was also used when they held rituals, for example, Khop Phi Jamnak. The other two languages were Thai and Lao. They would speak these languages with those who came to their village for trade or other businesses. They would speak Thai when they communicate with civil servants. The Bru people would not speak Bru with strangers because they thought that Bru was the language of a poor ethnic group, inferior, and they might be looked down upon. This linguistic identity, therefore, was also fading out.
Fourthly, concerning the factors of indicators of family happiness of the Bru ethnic group :
Theories and research literature showed that the factors of indicators of family happiness of the Bru ethnic group were composed of many. One factor involved basic physical needs concerning having sufficient food and living a quite happy life, having home, education, jobs and social and economic status. Another factor concerned psychological health-family relation, feeling easy, love and care, unity, understanding, tolerance, being free or not from family conflicts. The other factor had something to do with family structure. This meant every family member living in the family, single or extended family, broken, divorced, or separated family, poor family, dysfunctional family. The author took all these factors to be included in the frame of indicators from the views of villagers.
The indicators of a happy family were composed of the idea of happiness, criteria and indicators of happiness as well as concepts, theories and research literature. It was found that the family happiness concerned habit status which meant indicators that concerned basic need adaptation, well-being living conditions, family development, perfect family structure and factors, self-sufficiency, encouragement children to be educated. The family happiness also concerned moral status which was composed of being happy morally, relationship, have a life full of peace and morality, and upholding customs, traditions and social values.
2. Concerning building a model for a happy family, the villagers of wernbug and Ladsua of the Bru ethnic group attributed the meaning of happiness, as reflected from their lifestyle, to 6 factors .they were good environment, sufficient consumption and being free from having to use chemicals, security in possession and property, having a generous mind and mentally and physically happy, mutual help in taking care of their offspring in the community, and good education-good learning processes to help children develop their quality of life at the same time as uphold morality, cultures, traditions and religion. When the indicators were integrated, it was found that the Bru gave importance on the happiness from good and secured life, sufficiency economy, sufficient existence, and generosity of mind respectively. The analyzed and processed indicators were used to develop a model of a happy family which was later disseminated among the Bru on both sides of the Mekong river.
surindra rajabhat university
Address:
SURIN
Email:
library.srru.ac.th
Name: ไพฑูรย์ มีกุศล
Role:
ที่ปรึกษา
Name: อัจฉรา ภาณูรัตน์
Role:
ที่ปรึกษา
Created:
2553
Modified:
2554-10-07
Issued:
2554-10-07
วิทยานิพนธ์/Thesis
application/pdf
CallNumber:
306 ย244ร
tha
DegreeName: ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต
Level: ปริญญาเอก
Grantor: มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์
©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์
RightsAccess:
ใช้เวลา
-0.945651 วินาที
ยุทธนา กนกนาก
| Title | Contributor | Type |
|---|---|---|
| รูปแบบการพัฒนาครอบครัวเป็นสุขจากอัตลักษณ์กลุ่มชาติพันธุ์ : กรณีศึกษากลุ่มชาติพันธุ์บรูในประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ ยุทธนา กนกนาก | ไพฑูรย์ มีกุศล อัจฉรา ภาณูรัตน์ | วิทยานิพนธ์/Thesis |
| โลกทัศน์ของครู อาจารย์และนักเรียนที่มีต่อการใช้ภาษาเขมรในโรงเรียนมัธยมศึกษา กรณีศึกษาอำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ยุทธนา กนกนาก | จารุวรรณ ธรรมวัตร สมชาย นิลอาธิ | วิทยานิพนธ์/Thesis |
ไพฑูรย์ มีกุศล
อัจฉรา ภาณูรัตน์