แจ้งเอกสารไม่ครบถ้วน, ไม่ตรงกับชื่อเรื่อง หรือมีข้อผิดพลาดเกี่ยวกับเอกสาร ติดต่อที่นี่ ==>
หากไม่มีอีเมลผู้รับให้กรอก thailis-noc@uni.net.th ติดต่อเจ้าหน้าที่เจ้าของเอกสาร กรณีเอกสารไม่ครบหรือไม่ตรง

การสกัดโปรตีนเข้มข้นจากเมล็ดฝ้ายไร้ต่อมพิษและการปรับปรุงคุณภาพ ของโปรตีนที่ได้โดยการเสริมด้วยโปรตีนเข้มข้นจากเมล็ดงา และถั่วเหลือง
Isolation of glandless cottonseed protein concentrate and improvement of the protein quality by supplementing with sesame seed and soybean protein concentrates

ThaSH: โปรตีนจากพืช
ThaSH: การสกัด (เคมี)
ThaSH: ถั่วเหลือง
ThaSH: เมล็ดงา
ThaSH: เมล็ดฝ้าย
Abstract: งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อปรับปรุงคุณภาพของโปรตีนเมล็ดฝ้ายไร้ต่อมพิษ โดยการผสมโปรตีนเมล็ดงาและโปรตีนเมล็ดถั่วเหลืองลงในโปรตีนเมล็ดฝ้ายไร้ต่อมพิษ ขั้นแรกศึกษาภาวะที่เหมาะสมในการสกัดโปรตีนจากกากเมล็ดพืชน้ำมันทั้ง 3 ชนิด โดยศึกษาหาอัตราส่วนของกากต่อน้ำที่เหมาะสมสำหรับการสกัดโปรตีนที่ pH 8 เป็นเวลา 30 นาทีในอัตราส่วน 1:20 1:40 1:60 และ 1:80 (กรัมต่อมิลลิลิตร) พบว่าอัตราส่วนของกากเมล็ดฝ้ายต่อน้ำและกากถั่วเหลืองต่อน้ำที่เหมาะสมคือ 1:40 และอัตราส่วนของกากงาต่อน้ำที่ 1:60 จะให้ปริมาณโปรตีนที่สกัดได้สูง 33.78% 61.88% และ 20.03% (โดยน้ำหนักแห้ง) ตามลำดับ จากนั้นศึกษาชนิดและความเข้มข้นของสารละลายด่างรวมทั้งเวลาที่ใช้ในการสกัดโปรตีน โดยสารละลายด่างที่ศึกษาได้แก่สารละลายแคลเซียมไฮดรอกไซด์และสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ พบว่าภาวะที่เหมาะสมในการสกัดโปรตีนจากกากเมล็ดฝ้าย การเมล็ดงา และกากเมล็ดถั่วเหลืองเหมือนกัน คือใช้สารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์เข้มข้น 0.02 โมล่าร์ เป็นเวลา 30 นาที (77.29% 94.87% และ 81.55% โดยน้ำหนักแห้ง ตามลำดับ) ต่อมาศึกษา pH ที่ทำให้โปรตีนมีความสามารถในการละลายต่ำสุดเพื่อใช้ในการตกตะกอนโปรตีน พบว่าที่ pH 3.5 โปรตีนเมล็ดฝ้ายจะมีความสามารถในการละลายต่ำสุด (13.33% โดยน้ำหนักแห้ง) และใช้ pH 5.4 และ 5.5 ในการตกตะกอนโปรตีนงาและโปรตีนถั่วเหลืองตามลำดับ จากนั้นจึงผลิตโปรตีนสกัดจากเมล็ดพืชน้ำมันทั้ง 3 ชนิด และเมื่อศึกษาองค์ประกอบทางเคมีของโปรตีนทั้ง 3 ชนิดพบว่า โปรตีนเมล็ดฝ้ายจะมีโปรตีน 73.76% โดยน้ำหนักแห้ง และมีสารกอสสลิปอลเพียง 0.0014% โดยน้ำหนักแห้ง ซึ่งปลอดภัยต่อการบริโภค ส่วนในโปรตีนงาและโปรตีนถั่วเหลืองจะมีโปรตีน 83.24% และ 88.16% โดยน้ำหนักแห้ง ตามลำดับ ซึ่งถือว่าโปรตีนทั้ง 3 ชนิดนี้เป็นเพียงโปรตีนเข้มข้น เพราะมีปริมาณโปรตีนน้อยกว่า 90% และศึกษาสมบัติการใช้งานของโปรตีนเมล็ดฝ้ายไร้ต่อมพิษ พบว่า โปรตีนเมล็ดฝ้ายมีสมบัติในการดูดซับน้ำและน้ำมันได้ (2.27 มิลลิลิตรของน้ำต่อโปรตีนสกัด 1 กรัม และ 3.09 มิลลิลิตรของน้ำมันต่อโปรตีนสกัด 1 กรัม ตามลำดับ) นอกจากนี้ยังมีสมบัติในการเกิดอิมัลชั่น (61.05% โดยน้ำหนัก) และสมบัติในการเกิดฟอง (110% โดยน้ำหนัก) แต่ฟองที่ได้จะมีความเสถียรภาพต่ำ และพบว่าระหว่าง pH ในช่วง 4-6 โปรตีนเมล็ดฝ้ายมีความสามารถในการละลายต่ำสุด (1.86-6.19% โดยน้ำหนัก) และเมื่อนำโปรตีนสกัดทั้ง 3 ชนิดมาวิเคราะห์ปริมาณกรดอะมิโน พบว่า โปรตีนเมล็ดฝ้ายไร้ต่อมพิษจะมีเมไธโอนีนและไลซีนเป็นกรดอะมิโนจำกัด แต่ในโปรตีนงาจะมีเมทไธโอนีนอยู่สูง และโปรตีนถั่วเหลืองจะมีไลซีนสูง ดังนั้นจีงเหมาะที่จะนำโปรตีนงา...
Abstract: งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อปรับปรุงคุณภาพของโปรตีนเมล็ดฝ้ายไร้ต่อมพิษ โดยการผสมโปรตีนเมล็ดงาและโปรตีนเมล็ดถั่วเหลืองลงในโปรตีนเมล็ดฝ้ายไร้ต่อมพิษ ขั้นแรกศึกษาภาวะที่เหมาะสมในการสกัดโปรตีนจากกากเมล็ดพืชน้ำมันทั้ง 3 ชนิด โดยศึกษาหาอัตราส่วนของกากต่อน้ำที่เหมาะสมสำหรับการสกัดโปรตีนที่ pH 8 เป็นเวลา 30 นาทีในอัตราส่วน 1:20 1:40 1:60 และ 1:80 (กรัมต่อมิลลิลิตร) พบว่าอัตราส่วนของกากเมล็ดฝ้ายต่อน้ำและกากถั่วเหลืองต่อน้ำที่เหมาะสมคือ 1:40 และอัตราส่วนของกากงาต่อน้ำที่ 1:60 จะให้ปริมาณโปรตีนที่สกัดได้สูง 33.78% 61.88% และ 20.03% (โดยน้ำหนักแห้ง) ตามลำดับ จากนั้นศึกษาชนิดและความเข้มข้นของสารละลายด่างรวมทั้งเวลาที่ใช้ในการสกัดโปรตีน โดยสารละลายด่างที่ศึกษาได้แก่สารละลายแคลเซียมไฮดรอกไซด์และสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ พบว่าภาวะที่เหมาะสมในการสกัดโปรตีนจากกากเมล็ดฝ้าย การเมล็ดงา และกากเมล็ดถั่วเหลืองเหมือนกัน คือใช้สารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์เข้มข้น 0.02 โมล่าร์ เป็นเวลา 30 นาที (77.29% 94.87% และ 81.55% โดยน้ำหนักแห้ง ตามลำดับ) ต่อมาศึกษา pH ที่ทำให้โปรตีนมีความสามารถในการละลายต่ำสุดเพื่อใช้ในการตกตะกอนโปรตีน พบว่าที่ pH 3.5 โปรตีนเมล็ดฝ้ายจะมีความสามารถในการละลายต่ำสุด (13.33% โดยน้ำหนักแห้ง) และใช้ pH 5.4 และ 5.5 ในการตกตะกอนโปรตีนงาและโปรตีนถั่วเหลืองตามลำดับ จากนั้นจึงผลิตโปรตีนสกัดจากเมล็ดพืชน้ำมันทั้ง 3 ชนิด และเมื่อศึกษาองค์ประกอบทางเคมีของโปรตีนทั้ง 3 ชนิดพบว่า โปรตีนเมล็ดฝ้ายจะมีโปรตีน 73.76% โดยน้ำหนักแห้ง และมีสารกอสสลิปอลเพียง 0.0014% โดยน้ำหนักแห้ง ซึ่งปลอดภัยต่อการบริโภค ส่วนในโปรตีนงาและโปรตีนถั่วเหลืองจะมีโปรตีน 83.24% และ 88.16% โดยน้ำหนักแห้ง ตามลำดับ ซึ่งถือว่าโปรตีนทั้ง 3 ชนิดนี้เป็นเพียงโปรตีนเข้มข้น เพราะมีปริมาณโปรตีนน้อยกว่า 90% และศึกษาสมบัติการใช้งานของโปรตีนเมล็ดฝ้ายไร้ต่อมพิษ พบว่า โปรตีนเมล็ดฝ้ายมีสมบัติในการดูดซับน้ำและน้ำมันได้ (2.27 มิลลิลิตรของน้ำต่อโปรตีนสกัด 1 กรัม และ 3.09 มิลลิลิตรของน้ำมันต่อโปรตีนสกัด 1 กรัม ตามลำดับ) นอกจากนี้ยังมีสมบัติในการเกิดอิมัลชั่น (61.05% โดยน้ำหนัก) และสมบัติในการเกิดฟอง (110% โดยน้ำหนัก) แต่ฟองที่ได้จะมีความเสถียรภาพต่ำ และพบว่าระหว่าง pH ในช่วง 4-6 โปรตีนเมล็ดฝ้ายมีความสามารถในการละลายต่ำสุด (1.86-6.19% โดยน้ำหนัก) และเมื่อนำโปรตีนสกัดทั้ง 3 ชนิดมาวิเคราะห์ปริมาณกรดอะมิโน พบว่า โปรตีนเมล็ดฝ้ายไร้ต่อมพิษจะมีเมไธโอนีนและไลซีนเป็นกรดอะมิโนจำกัด แต่ในโปรตีนงาจะมีเมทไธโอนีนอยู่สูง และโปรตีนถั่วเหลืองจะมีไลซีนสูง ดังนั้นจีงเหมาะที่จะนำโปรตีนงาและโปรตีนถั่วเหลืองมาผสมกับโปรตีนเมล็ดฝ้ายเพื่อเพิ่มคุณภาพของโปรตีน ซึ่งเมื่อผสมโปรตีนจากเมล็ดพืชทั้ง 3 ชนิดเข้าด้วยกัน และเมื่อวิเคราะห์ปริมาณโปรตีนและคุณภาพของโปรตีนผสมพบว่า ปริมาณโปรตีนและคุณภาพของโปรตีนผสมจะสูงขึ้น เมื่อเทียบกับโปรรตีนเมล็ดฝ้ายไร้ต่อมพิษเพียงอย่างเดียว โดยอัตราส่วนการผสมของโปรตีนเมล็ดฝ้าย โปรตีนเมล็ดงาและโปรตีนเมล็ดถั่วเหลืองที่ 1:1:2 และ 1:1.5:1.5 โปรตีนผสมจะมีคุณภาพสูงกว่าที่อัตราส่วน 1:1:1: และ 1:2:1
Abstract: งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อปรับปรุงคุณภาพของโปรตีนเมล็ดฝ้ายไร้ต่อมพิษ โดยการผสมโปรตีนเมล็ดงาและโปรตีนเมล็ดถั่วเหลืองลงในโปรตีนเมล็ดฝ้ายไร้ต่อมพิษ ขั้นแรกศึกษาภาวะที่เหมาะสมในการสกัดโปรตีนจากกากเมล็ดพืชน้ำมันทั้ง 3 ชนิด โดยศึกษาหาอัตราส่วนของกากต่อน้ำที่เหมาะสมสำหรับการสกัดโปรตีนที่ pH 8 เป็นเวลา 30 นาทีในอัตราส่วน 1:20 1:40 1:60 และ 1:80 (กรัมต่อมิลลิลิตร) พบว่าอัตราส่วนของกากเมล็ดฝ้ายต่อน้ำและกากถั่วเหลืองต่อน้ำที่เหมาะสมคือ 1:40 และอัตราส่วนของกากงาต่อน้ำที่ 1:60 จะให้ปริมาณโปรตีนที่สกัดได้สูง 33.78% 61.88% และ 20.03% (โดยน้ำหนักแห้ง) ตามลำดับ จากนั้นศึกษาชนิดและความเข้มข้นของสารละลายด่างรวมทั้งเวลาที่ใช้ในการสกัดโปรตีน โดยสารละลายด่างที่ศึกษาได้แก่สารละลายแคลเซียมไฮดรอกไซด์และสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ พบว่าภาวะที่เหมาะสมในการสกัดโปรตีนจากกากเมล็ดฝ้าย การเมล็ดงา และกากเมล็ดถั่วเหลืองเหมือนกัน คือใช้สารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์เข้มข้น 0.02 โมล่าร์ เป็นเวลา 30 นาที (77.29% 94.87% และ 81.55% โดยน้ำหนักแห้ง ตามลำดับ) ต่อมาศึกษา pH ที่ทำให้โปรตีนมีความสามารถในการละลายต่ำสุดเพื่อใช้ในการตกตะกอนโปรตีน พบว่าที่ pH 3.5 โปรตีนเมล็ดฝ้ายจะมีความสามารถในการละลายต่ำสุด (13.33% โดยน้ำหนักแห้ง) และใช้ pH 5.4 และ 5.5 ในการตกตะกอนโปรตีนงาและโปรตีนถั่วเหลืองตามลำดับ จากนั้นจึงผลิตโปรตีนสกัดจากเมล็ดพืชน้ำมันทั้ง 3 ชนิด และเมื่อศึกษาองค์ประกอบทางเคมีของโปรตีนทั้ง 3 ชนิดพบว่า โปรตีนเมล็ดฝ้ายจะมีโปรตีน 73.76% โดยน้ำหนักแห้ง และมีสารกอสสลิปอลเพียง 0.0014% โดยน้ำหนักแห้ง ซึ่งปลอดภัยต่อการบริโภค ส่วนในโปรตีนงาและโปรตีนถั่วเหลืองจะมีโปรตีน 83.24% และ 88.16% โดยน้ำหนักแห้ง ตามลำดับ ซึ่งถือว่าโปรตีนทั้ง 3 ชนิดนี้เป็นเพียงโปรตีนเข้มข้น เพราะมีปริมาณโปรตีนน้อยกว่า 90% และศึกษาสมบัติการใช้งานของโปรตีนเมล็ดฝ้ายไร้ต่อมพิษ พบว่า โปรตีนเมล็ดฝ้ายมีสมบัติในการดูดซับน้ำและน้ำมันได้ (2.27 มิลลิลิตรของน้ำต่อโปรตีนสกัด 1 กรัม และ 3.09 มิลลิลิตรของน้ำมันต่อโปรตีนสกัด 1 กรัม ตามลำดับ) นอกจากนี้ยังมีสมบัติในการเกิดอิมัลชั่น (61.05% โดยน้ำหนัก) และสมบัติในการเกิดฟอง (110% โดยน้ำหนัก) แต่ฟองที่ได้จะมีความเสถียรภาพต่ำ และพบว่าระหว่าง pH ในช่วง 4-6 โปรตีนเมล็ดฝ้ายมีความสามารถในการละลายต่ำสุด (1.86-6.19% โดยน้ำหนัก) และเมื่อนำโปรตีนสกัดทั้ง 3 ชนิดมาวิเคราะห์ปริมาณกรดอะมิโน พบว่า โปรตีนเมล็ดฝ้ายไร้ต่อมพิษจะมีเมไธโอนีนและไลซีนเป็นกรดอะมิโนจำกัด แต่ในโปรตีนงาจะมีเมทไธโอนีนอยู่สูง และโปรตีนถั่วเหลืองจะมีไลซีนสูง ดังนั้นจีงเหมาะที่จะนำโปรตีนงาและโปรตีนถั่วเหลืองมาผสมกับโปรตีนเมล็ดฝ้ายเพื่อเพิ่มคุณภาพของโปรตีน ซึ่งเมื่อผสมโปรตีนจากเมล็ดพืชทั้ง 3 ชนิดเข้าด้วยกัน และเมื่อวิเคราะห์ปริมาณโปรตีนและคุณภาพของโปรตีนผสมพบว่า ปริมาณโปรตีนและคุณภาพของโปรตีนผสมจะสูงขึ้น เมื่อเทียบกับโปรรตีนเมล็ดฝ้ายไร้ต่อมพิษเพียงอย่างเดียว โดยอัตราส่วนการผสมของโปรตีนเมล็ดฝ้าย โปรตีนเมล็ดงาและโปรตีนเมล็ดถั่วเหลืองที่ 1:1:2 และ 1:1.5:1.5 โปรตีนผสมจะมีคุณภาพสูงกว่าที่อัตราส่วน 1:1:1: และ 1:2:1
Abstract: งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อปรับปรุงคุณภาพของโปรตีนเมล็ดฝ้ายไร้ต่อมพิษ โดยการผสมโปรตีนเมล็ดงาและโปรตีนเมล็ดถั่วเหลืองลงในโปรตีนเมล็ดฝ้ายไร้ต่อมพิษ ขั้นแรกศึกษาภาวะที่เหมาะสมในการสกัดโปรตีนจากกากเมล็ดพืชน้ำมันทั้ง 3 ชนิด โดยศึกษาหาอัตราส่วนของกากต่อน้ำที่เหมาะสมสำหรับการสกัดโปรตีนที่ pH 8 เป็นเวลา 30 นาทีในอัตราส่วน 1:20 1:40 1:60 และ 1:80 (กรัมต่อมิลลิลิตร) พบว่าอัตราส่วนของกากเมล็ดฝ้ายต่อน้ำและกากถั่วเหลืองต่อน้ำที่เหมาะสมคือ 1:40 และอัตราส่วนของกากงาต่อน้ำที่ 1:60 จะให้ปริมาณโปรตีนที่สกัดได้สูง 33.78% 61.88% และ 20.03% (โดยน้ำหนักแห้ง) ตามลำดับ จากนั้นศึกษาชนิดและความเข้มข้นของสารละลายด่างรวมทั้งเวลาที่ใช้ในการสกัดโปรตีน โดยสารละลายด่างที่ศึกษาได้แก่สารละลายแคลเซียมไฮดรอกไซด์และสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ พบว่าภาวะที่เหมาะสมในการสกัดโปรตีนจากกากเมล็ดฝ้าย การเมล็ดงา และกากเมล็ดถั่วเหลืองเหมือนกัน คือใช้สารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์เข้มข้น 0.02 โมล่าร์ เป็นเวลา 30 นาที (77.29% 94.87% และ 81.55% โดยน้ำหนักแห้ง ตามลำดับ) ต่อมาศึกษา pH ที่ทำให้โปรตีนมีความสามารถในการละลายต่ำสุดเพื่อใช้ในการตกตะกอนโปรตีน พบว่าที่ pH 3.5 โปรตีนเมล็ดฝ้ายจะมีความสามารถในการละลายต่ำสุด (13.33% โดยน้ำหนักแห้ง) และใช้ pH 5.4 และ 5.5 ในการตกตะกอนโปรตีนงาและโปรตีนถั่วเหลืองตามลำดับ จากนั้นจึงผลิตโปรตีนสกัดจากเมล็ดพืชน้ำมันทั้ง 3 ชนิด และเมื่อศึกษาองค์ประกอบทางเคมีของโปรตีนทั้ง 3 ชนิดพบว่า โปรตีนเมล็ดฝ้ายจะมีโปรตีน 73.76% โดยน้ำหนักแห้ง และมีสารกอสสลิปอลเพียง 0.0014% โดยน้ำหนักแห้ง ซึ่งปลอดภัยต่อการบริโภค ส่วนในโปรตีนงาและโปรตีนถั่วเหลืองจะมีโปรตีน 83.24% และ 88.16% โดยน้ำหนักแห้ง ตามลำดับ ซึ่งถือว่าโปรตีนทั้ง 3 ชนิดนี้เป็นเพียงโปรตีนเข้มข้น เพราะมีปริมาณโปรตีนน้อยกว่า 90% และศึกษาสมบัติการใช้งานของโปรตีนเมล็ดฝ้ายไร้ต่อมพิษ พบว่า โปรตีนเมล็ดฝ้ายมีสมบัติในการดูดซับน้ำและน้ำมันได้ (2.27 มิลลิลิตรของน้ำต่อโปรตีนสกัด 1 กรัม และ 3.09 มิลลิลิตรของน้ำมันต่อโปรตีนสกัด 1 กรัม ตามลำดับ) นอกจากนี้ยังมีสมบัติในการเกิดอิมัลชั่น (61.05% โดยน้ำหนัก) และสมบัติในการเกิดฟอง (110% โดยน้ำหนัก) แต่ฟองที่ได้จะมีความเสถียรภาพต่ำ และพบว่าระหว่าง pH ในช่วง 4-6 โปรตีนเมล็ดฝ้ายมีความสามารถในการละลายต่ำสุด (1.86-6.19% โดยน้ำหนัก) และเมื่อนำโปรตีนสกัดทั้ง 3 ชนิดมาวิเคราะห์ปริมาณกรดอะมิโน พบว่า โปรตีนเมล็ดฝ้ายไร้ต่อมพิษจะมีเมไธโอนีนและไลซีนเป็นกรดอะมิโนจำกัด แต่ในโปรตีนงาจะมีเมทไธโอนีนอยู่สูง และโปรตีนถั่วเหลืองจะมีไลซีนสูง ดังนั้นจีงเหมาะที่จะนำโปรตีนงาและโปรตีนถั่วเหลืองมาผสมกับโปรตีนเมล็ดฝ้ายเพื่อเพิ่มคุณภาพของโปรตีน ซึ่งเมื่อผสมโปรตีนจากเมล็ดพืชทั้ง 3 ชนิดเข้าด้วยกัน และเมื่อวิเคราะห์ปริมาณโปรตีนและคุณภาพของโปรตีนผสมพบว่า ปริมาณโปรตีนและคุณภาพของโปรตีนผสมจะสูงขึ้น เมื่อเทียบกับโปรรตีนเมล็ดฝ้ายไร้ต่อมพิษเพียงอย่างเดียว โดยอัตราส่วนการผสมของโปรตีนเมล็ดฝ้าย โปรตีนเมล็ดงาและโปรตีนเมล็ดถั่วเหลืองที่ 1:1:2 และ 1:1.5:1.5 โปรตีนผสมจะมีคุณภาพสูงกว่าที่อัตราส่วน 1:1:1: และ 1:2:1
Abstract: The objective of the research was to improve quality of glandless cottonseed protein by supplementing with protein from sesame and soybean. First, conditions for isolation of proteins from three kinds of oilseed meals were studied. Ratios of oilseed meal to water at 1:20 1:40 1:60 and 1:80 by weight at pH 8 for 30 minutes were used. The optimum ratios for cottonseed meal and soybean meal were 1:40 and 1:60 for sesame meal. After that, type of alkali solutions (calcium hydroxide and sodium hydroxide) and contact time were studied. The optimum conditions for all kinds of meal were found to be the same, i.e. by using sodium hydroxide 0.02 molar for 30 minutes. The cottonseed protein could be isolated by adjusting pH to 3.5 and pH of 5.4 and 5.5 were found suitable for isolating sesame protein and soybean protein respectively. Proximal analysis of these proteins showed that cottonseed protein contained 73.76% protein and 0.0014% free gossypol (by weight), which was considered safe for consumption. Extracted sesame and soybean proteins contained 83.24% and 88.16% protein (by weight) respectively. These proteins are regarded as concentrated protein because they contain less than 90% protein. For functional properties, 1 g of cottonseed protein could absorb 2.27 ml of water and 3.09 ml of oil. Emulsion property was 61.05% by weight and foaming property was 110% by weight but stability of foam was low. Cottonseed protein solubility was minimum at pH range of 4-6. Amino acid analysis of cottonseed protein showed that methionine and lysine were limiting amino acid, but sesame protein and soybean protein were methionine and lysine rich. Supplementation of sesame protein and soybean protein to cottonseed protein could improve quality of cottonseed protein. Ratio of cottonseed protein : sesame protein : soybean protein at 1:1:2 and 1:1.5:1.5 gave better protein quality than at ratio 1:1:1 and 1:2:1.
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สถาบันวิทยบริการ
Address: กรุงเทพมหานคร
Email: cuir@car.chula.ac.th
Role: ที่ปรึกษา
Created: 2540
Modified: 2552-09-24
Issued: 2552-09-24
วิทยานิพนธ์/Thesis
application/pdf
ISBN: 9746389688
tha
©copyrights จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
RightsAccess:
ลำดับที่.ชื่อแฟ้มข้อมูล ขนาดแฟ้มข้อมูลจำนวนเข้าถึง วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1 Phannavadee_Vi_front.pdf 842.8 KB106 2022-04-21 13:43:33
2 Phannavadee_Vi_ch1.pdf 709.19 KB104 2022-04-21 13:44:12
3 Phannavadee_Vi_ch2.pdf 1.19 MB148 2024-05-29 12:41:32
4 Phannavadee_Vi_ch3.pdf 780.26 KB113 2023-03-15 17:51:40
5 Phannavadee_Vi_ch4.pdf 979.56 KB91 2023-03-15 17:52:01
6 Phannavadee_Vi_ch5.pdf 901.46 KB71 2022-04-21 13:57:37
7 Phannavadee_Vi_ch6.pdf 690.07 KB76 2022-04-21 14:04:51
8 Phannavadee_Vi_back.pdf 1.24 MB81 2022-04-21 14:05:07
ใช้เวลา
0.05296 วินาที

สุวิมล กีรติพิบูล
Title Creator Type and Date Create
ผลของการทดแทนแป้งสาลีบางส่วนด้วยแป้งมันสำปะหลังและแป้งมันสำปะหลังคืนตัวต่อความไมสดในขนมปัง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สุวิมล กีรติพิบูล
ปริยาพร ชุนดี
วิทยานิพนธ์/Thesis
การแยก การพิสูจน์เอกลักษณ์ และการใช้ประโยชน์ของอะซิติกแอซิดแบคทีเรียจากผลไม้
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สุวิมล กีรติพิบูล;สมบูรณ์ ธนาศุภวัฒน์
อภิสิทธิ์ ศรีอรุณเรืองชัย
วิทยานิพนธ์/Thesis
การผลิตเนคต้าฟักทองโดยใช้เพคติเนส
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สุวิมล กีรติพิบูล
ประนอม พรชัยประสิทธิ์
วิทยานิพนธ์/Thesis
การพิสูจน์เอกลักษณ์และคัดเลือกแลคติกแอซิดแบคทีเรีย จากอาหารหมักดองพื้นเมืองที่ผลิตสารยับยั้งจุลินทรีย์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สุวิมล กีรติพิบูล;รุจ วิลยะเสวี
กิตติมา จริยพฤติ
วิทยานิพนธ์/Thesis
การผลิตและการประยุกต์ใช้ผลิตภัณฑ์ไข่เหลวที่ลดคอเลสเทอรอล
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รมณี สงวนดีกุล;สุวิมล กีรติพิบูล
ปราณี วัฒนพงศ์
วิทยานิพนธ์/Thesis
การสกัดโปรตีนเข้มข้นจากเมล็ดฝ้ายไร้ต่อมพิษและการปรับปรุงคุณภาพ ของโปรตีนที่ได้โดยการเสริมด้วยโปรตีนเข้มข้นจากเมล็ดงา และถั่วเหลือง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สุวิมล กีรติพิบูล
พรรณวดี วิถีสำราญธรรม
วิทยานิพนธ์/Thesis
การปนเปื้อนของ Escherichia coli และ Faecal streptococci ในผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ปรุงสุกพร้อมบริโภคแช่เยือกแข็งและการพัฒนาแบบจำลองการล้างและกำจัดเชื้อในสายการผลิต
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สุวิมล กีรติพิบูล
สุรีย์ มีทอง
วิทยานิพนธ์/Thesis
การประเมินการปนเปื้อนของ Escherichia coli และ Faecal Streptococci ในกระบวนการผลิตเนื้อไก่ปรุงสุกพร้อมบริโภค
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สุวิมล กีรติพิบูล;อรรถกร ใจโทน
ธัญญาพร อู๋ไพจิตร
วิทยานิพนธ์/Thesis
การประยุกต์การวิเคราะห์ความเสี่ยงเพื่อควบคุม Listeria spp. ในเนื้อไก่ปรุงสุกพร้อมบริโภค
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สุวิมล กีรติพิบูล
สุมาลิน เล็กเริงสินธุ์
วิทยานิพนธ์/Thesis
การย้ายที่ของสารเติมแต่งในถุงพลาสติกบรรจุอาหารและผลต่อการยึดติดหมึกพิมพ์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อรัญ หาญสืบสาย;สุวิมล กีรติพิบูล
อัฏฐพงศ์ ทองด้วง
วิทยานิพนธ์/Thesis
การทำนายจุลินทรีย์ทั้งหมดโคลิฟอร์มและ Escherichia coli ระหว่างการเตรียมและการจัดเก็บอาหารบริการประเภทสลัด
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สุวิมล กีรติพิบูล
อภินิหาร ผิวพรรณ
วิทยานิพนธ์/Thesis
การทำลายพิมพ์ดีเอ็นเอของแบคทีเรีย Lactobacillus pentosus และ Lactobacillus plantarum จากอาหารหมักดองพื้นเมืองโดยวิธี Random amplified polymorphic DNA
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สุวิมล กีรติพิบูล;รุจ วัลยะเสวี
ศุภกิจ สอนประจักษ์
วิทยานิพนธ์/Thesis
การเพิ่มกรดแกมมาอะมิโนบิวทีริก(กาบา) ในข้าวกล้องเพาะงอก ด้วยกรดกลูตามิก
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สุวิมล กีรติพิบูล
อธิป บุญศิริวิทย์
วิทยานิพนธ์/Thesis
การพัฒนาเทคนิคระดับโมเลกุลเพื่อการระบุสายพันธุ์ Salmonella enterica serovar typhimurium และ enteritidis โดย high resolution melting analysis
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สุวิมล กีรติพิบูล;มงคล เวสารัชเวศย์
พนัสนันท์ ศิลมัฐ
วิทยานิพนธ์/Thesis
การคัดกรองและลักษณะสมบัติของแบคทีเรียที่สามารถผลิตเอนไซม์ไลเพสจากอาหารหมัก
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สุวิมล กีรติพิบูล;สมบูรณ์ ธนาศุภวัฒ
มุกขะรินทร์ พุทโธสาวะโก
วิทยานิพนธ์/Thesis
การพัฒนาเทคนิคระดับโมเลกุลเพื่อการจำแนกสายพันธุ์ Listeria innocua โดย High Resolution Melting Analysis
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สุวิมล กีรติพิบูล
กฤตาภรณ์ ถนัดสร้าง
วิทยานิพนธ์/Thesis
การใช้น้ำผลไม้ตระกูลส้มเป็นตัวตกตะกอนต่อคุณภาพของเต้าหู้แข็ง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สุวิมล กีรติพิบูล
ดวงพร สามัตถิยะ
วิทยานิพนธ์/Thesis
การคัดเลือกเชื้อและการผลิตเอกโซพอลีแซคคาไรด์จากแลคติกแอซิดแบคทีเรีย
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สุวิมล กีรติพิบูล;ฐิตาภา เขียวขจี
จันทร์จนา ตันสกุล
วิทยานิพนธ์/Thesis
ปัจจัยที่มีผลต่อการผลิตน้ำแครอทและการทำน้ำแครอทเข้มข้น
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สุวิมล กีรติพิบูล
เอกภพ ศุภกรชูวงศ์
วิทยานิพนธ์/Thesis
โปรตีนในน้ำผึ้งที่มีผลต่อการทำน้ำองุ่นให้ใส
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รมณี สงวนดีกุล;สุวิมล กีรติพิบูล
วัฒนา วิริวุฒิกร
วิทยานิพนธ์/Thesis
การผลิตข้าวพร้อมบริโภคในรีทอร์ตเพาช์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สุวิมล กีรติพิบูล
อนลลักษณ์ โอฬาริโกวิท
วิทยานิพนธ์/Thesis
ผลของปริมาณแคลเซียมแมกนีเซียม และฟอสฟอรัส ต่อลักษณะทางกายภาพของนมและการประยุกต์ใช้ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มน้ำผลไม้ผสมนม
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
;สุวิมล กีรติพิบูล;รุจ วัลยะเสวี
อรรถวิทย์ วิทยกุล
วิทยานิพนธ์/Thesis
เครื่องดื่มสมุนไพรจากตะไคร้ Cymbopoqon citratus (DC.) Stapf.
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สุวิมล กีรติพิบูล
บุษกร ทองใบ
วิทยานิพนธ์/Thesis
วิธีรวดเร็วในการประมาณจำนวนแบคทีเรียทั้งหมด ที่สร้างเอนไซม์คะตะเลสในกุ้งกุลาดำ Penaeus monodon Fabricius สด
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รมณี สงวนดีกุล;สุวิมล กีรติพิบูล
ชื่นจิต จันทน์วัฒนวงษ์
วิทยานิพนธ์/Thesis
การผลิตแกงส้มและถั่วฝักยาวผัดพริกขิงสำเร็จรูปแช่แข็ง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สุวรรณา สุภิมารส;สุวิมล กีรติพิบูล
ยุพิน ไทยเจริญ
วิทยานิพนธ์/Thesis
นวัตกรรมตัวแบบการรับรองคุณค่าอาหารไทย
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
พงศ์พันธ์ อนันต์วรณิชย์;อัจฉรา จันทร์ฉาย;สุวิมล กีรติพิบูล
ไกรเสริม โตทับเที่ยง
วิทยานิพนธ์/Thesis
การประเมินและการจัดการความเสี่ยงของ Listeria spp. ในผลิตภัณฑ์ไก่ปรุงสุกแช่เยือกแข็ง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สุวิมล กีรติพิบูล;มงคล เวสารัชเวศย์
พรรณิดา เตชะหรูวิจิตร์
วิทยานิพนธ์/Thesis
การพัฒนาวิธีการตรวจวัดเนื้อสัตว์ต้องห้ามในผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลโดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์การหลอมละลายแบบแยกชัดสูง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สุวิมล กีรติพิบูล;วินัย ดะห์ลัน
อาณัฐ เด่นยิ่งโยชน์
วิทยานิพนธ์/Thesis
การพัฒนาผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวจากแป้งข้าวเหนียวกล้อง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สุวิมล กีรติพิบูล;กิตติพงษ์ ห่วงรักษ์
นนท์ เหรียญสุวรรณ
วิทยานิพนธ์/Thesis
การใช้กากและน้ำมันไก่ที่ได้จากการผลิตซุปไก่สกัด เพื่อผลิตซุปกึ่งสำเร็จรูป
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สุวิมล กีรติพิบูล
ชัยพงษ์ สนธีระ
วิทยานิพนธ์/Thesis
การสกัดคาโรทีนอยด์จากเปลือกส้มเขียวหวาน citrus reticulata blanco
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
;สุวิมล กีรติพิบูล
สมเดือน หริรัตน์เสรี
วิทยานิพนธ์/Thesis
ภาวะกระบวนการผลิตที่มีผลต่อลักษณะเฉพาะทางกายภาพของขนมขบเคี้ยวที่ทำจากข้าว
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สุวิมล กีรติพิบูล;กิตติพงษ์ ห่วงรักษ์
การันต์ วีระพัฒนานุวงศ์
วิทยานิพนธ์/Thesis
การเปรียบเทียบวิธีการสุ่มตัวอย่างพื้นผิวเพื่อตรวจสอบจุลินทรีย์ก่อโรคบางชนิดบนพื้นผิวสัมผัสอาหาร
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สุวิมล กีรติพิบูล
อรพินท์ พรเรืองทรัพย์
วิทยานิพนธ์/Thesis
Copyright 2000 - 2025 ThaiLIS Digital Collection Working Group. All rights reserved.
ThaiLIS is Thailand Library Integrated System
สนับสนุนโดย สำนักงานบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
328 ถ.ศรีอยุธยา แขวง ทุ่งพญาไท เขต ราชเทวี กรุงเทพ 10400 โทร. โทร. 02-232-4000
กำลัง ออน์ไลน์
ภายในเครือข่าย ThaiLIS จำนวน 18
ภายนอกเครือข่าย ThaiLIS จำนวน 2,836
รวม 2,854 คน

More info..
นอก ThaiLIS = 167,785 ครั้ง
มหาวิทยาลัยราชภัฏ = 331 ครั้ง
มหาวิทยาลัยสังกัดทบวงเดิม = 209 ครั้ง
มหาวิทยาลัยสงฆ์ = 18 ครั้ง
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล = 14 ครั้ง
หน่วยงานอื่น = 7 ครั้ง
สถาบันพระบรมราชชนก = 4 ครั้ง
มหาวิทยาลัยเอกชน = 1 ครั้ง
รวม 168,369 ครั้ง
Database server :
Version 2.5 Last update 1-06-2018
Power By SUSE PHP MySQL IndexData Mambo Bootstrap
มีปัญหาในการใช้งานติดต่อผ่านระบบ UniNetHelp


Server : 8.199.134
Client : Not ThaiLIS Member
From IP : 216.73.216.104