The Development of Portfolio Assessment in Mathematics Solving Problems's Skills for Prathomsueksa Six Students of Donchard Village school, Ubonratchani office of Education Service Area 2
Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ (1) เพื่อพัฒนาแฟ้มสะสมผลงานเพื่อวัดและประเมินผลทักษะการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ (2) เพื่อศึกษาผลการประเมินทักษะการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ โดยใช้แฟ้มสะสมผลงาน และ ( 3) เพื่อศึกษาเจตคติที่มีต่อการวัดและประเมินผลทักษะการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ โดยใช้แฟ้มสะสมผลงาน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านดอนชาด อำเภอโพธิ์ไทร สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต 2
กลุ่มเป้าหมายในการวิจัย เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2550 โรงเรียนบ้านดอนชาด จำนวน 12 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ (1) เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินการประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ทักษะการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาจำนวนนับ โจทย์ปัญหาเศษส่วนและโจทย์ปัญหาทศนิยม จำนวน15 แผนและ ( 2) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย แบบบันทึกผลการสังเกตพฤติกรรมนักเรียนตามกระบวนการพัฒนาแฟ้มสะสมผลงานทั้ง 6 ขั้นตอน แบบทดสอบท้ายวงจรแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบประเมินผลงาน แบบประเมินแฟ้มสะสมผลงานและแบบวัดเจตคติที่มีต่อการใช้แฟ้มสะสมผลงาน เพื่อวัดและประเมินผลทักษะการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ การวิจัยครั้งนี้ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงปฏิบัติการ ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นวางแผน ขั้นปฏิบัติการ ขั้นสังเกต และรวบรวมข้อมูลและขั้นสะท้อนผล โดยการพัฒนาแฟ้มสะสมผลงานของนักเรียน ตามกระบวนการพัฒนา 6 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นวางแผนจัดทำผลงาน ขั้นจัดทำและรวบรวมผลงาน ขั้นคัดเลือกผลงาน ขั้นประเมินผลงาน ขั้นสะท้อนผลงานและขั้นจัดทำและประเมินแฟ้มสะสมผลงาน ปฏิบัติการพัฒนาเป็น 3 วงจร ผู้วิจัยได้เก็บรวบรวมข้อมูลโดยสังเกตและบันทึกผล การสังเกตพฤติกรรมของนักเรียน ในระหว่างการปฏิบัติการตามกระบวนการจัดทำแฟ้มสะสมผลงานบันทึกผลการประเมินผลงานและผลการประเมินแฟ้มสะสมผลงานของผู้ประเมิน5คนทดสอบและบันทึกผลการสอบโดยใช้แบบทดสอบ ท้ายวงจร 3 ฉบับ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน 1 ฉบับ สอบถามความคิดเห็นที่มีต่อการใช้แฟ้มสะสมผลงานของนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย เพื่อวัดและประเมินผลทักษะการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์โดยใช้แบบสอบถาม 1 ฉบับ วิเคราะห์ข้อมูลโดย หาค่าเฉลี่ยของคะแนนประเมินผลงาน จัดอันดับที่ของผลการประเมินแฟ้มสะสมผลงานผลการสอบท้ายวงจรและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน หาคุณภาพของแฟ้มสะสมผลงานทุกวงจรและแฟ้มสะสมงานรวม ด้านความแม่นตรง ( Validity) โดยหาความสัมพันธ์ของอันดับที่ของผลการสอบกับอันดับที่ของผลการประเมินแฟ้มสะสมผลงาน ด้านความเชื่อถือได้ ( Reliability) หาค่าความสอดคล้องของผลการให้คะแนนการประเมินแฟ้มสะสมผลงานของคณะผู้ประเมิน 5 คน ให้ระดับผลการเรียนจากการประเมินทักษะการแก้โจทย์ปัญหาโดยใช้แฟ้มสะสมผลงาน หาค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการสอบถามความคิดเห็นที่มีต่อการใช้แฟ้มสะสมผลงาน เพื่อวัดและประเมินผลทักษะการแก้โจทย์ปัญหา สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ สถิติพื้นฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเคนดอลล์ของการให้คะแนนของผู้ประเมิน 5 คนทดสอบความมีนัยสำคัญทางสถิติด้วยสถิติไคสแควร์ ค่าสัมประสิทธ์สหสัมพันธ์อันดับที่ของผลการสอบกับอันดับที่ของผลการประเมินด้วยแฟ้มสะสมผลงาน โดยใช้สูตรของสเพียร์แมนและทดสอบความมีนัยสำคัญทางสถิติด้วยสถิติที ( t-test) ส่วนข้อมูลเชิงคุณภาพนั้นเสนอในรูปความเรียง
ผลการวิจัยพบว่า
1. กระบวนการในการจัดทำแฟ้มสะสมผลงาน เพื่อวัดและประเมินผลทักษะการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ประกอบด้วยขั้นตอน 6 ขั้น ได้แก่ (1)ขั้นวางแผนการจัดทำผลงาน (2) ขั้นจัดทำและเก็บรวบรวมผลงาน ( 3) ขั้นคัดเลือกผลงาน (4) ขั้นประเมินผลงาน ( 5) ขั้นสะท้อนผลงาน และ ( 6) ขั้นจัดทำและประเมินแฟ้มสะสมผลงาน รูปแบบของแฟ้มสะสมผลงานที่ได้รับการพัฒนาเพื่อวัดและประเมินผลครั้งนี้ ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ส่วนนำ ประกอบด้วยปกหน้า ปกรอง คำนำ คำชี้แจง สารบัญ ประวัติ และข้อมูลส่วนตัวของเจ้าของแฟ้ม จุดประสงค์ของแฟ้ม ส่วนที่ 2 ผลงานนักเรียน ประกอบด้วย ผลงานที่ได้คัดเลือกและได้ประเมินแล้ว ผลการสอบหรือคะแนนสอบเกี่ยวกับเนื้อหานั้น เพื่อใช้เป็นร่องรอยหลักฐานในการประเมินเพื่อให้ระดับผลการเรียน และส่วนที่ 3 ภาคผนวก ประกอบด้วย แบบและเกณฑ์การประเมินผลงานแบบและเกณฑ์การประเมินแฟ้มสะสมผลงาน บันทึกข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของเจ้าของผลงาน และของครูผู้สอน รายการเอกสารอ้างอิงที่ใช้ประกอบในการจัดทำแฟ้มสะสมผลงานรวมที่ได้รับการพัฒนาแล้วมีคุณภาพดับนี้ ได้ค่าความแม่นตรง (Validity) ที่ คำนวณจากความสัมพันธ์ระหว่างอันดับที่ของผลการประเมินแฟ้มสะสมผลงาน กับอันดับที่ของผลการสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน ปรากฏว่า มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบสเพียร์แมน เท่ากับ .986 ถือว่ามีความแม่นตรงในระดับสูงมาก ส่วนค่าความเชื่อถือได้ ( Reliability ) ของผลการให้คะแนนการประเมินแฟ้มสะสมผลงานของผู้ประเมิน 5 คน พบว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อันดับที่ แบบคอนดอลล์ เท่ากับ .617 ถือว่ามีความเชื่อถือได้ในระดับสูงเช่นกัน
2. ผลการใช้แฟ้มสะสมผลงานเพื่อวัดและประเมินทักษะการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่านักเรียนมีผลการเรียนในระดับดีเยี่ยม ( 4.00) จำนวน 8 คนคิดเป็นร้อยละ 66.67 มีผลการเรียนระดับดีมาก ( 3.50) จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 16.67 และมีผลการเรียนระดับปานกลาง ( 2.50) จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 16.67 ส่วนผลการเรียนเฉลี่ยทั้งชั้นอยู่ในระดับดีมาก โดยมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 3.67 และไม่มีนักเรียนผลการประเมินอยู่ในระดับปรับปรุง
3. ผลการวัดเจตคติที่มีต่อการใช้แฟ้มสะสมผลงานแยกเป็นรายด้าน 6 ด้านพบว่า ด้านที่ 1 การวางแผนการจัดทำผลงาน มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.23 อยู่ในระดับเห็นด้วย ด้านที่ 2 การจัดทำและรวบรวมผลงาน มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.52 อยู่ในระดับเห็นด้วยอย่างยิ่ง ด้านที่ 3 การคัดเลือกผลงาน มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.67 อยู่ในระดับเห็นด้วยอย่างยิ่ง ด้านที่ 4 การประเมินผลงานมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.93 อยู่ในระดับเห็นด้วยอย่างยิ่ง ด้านที่ 5 การสะท้อนผลงานมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.63 อยู่ในระดับเห็นด้วยอย่างยิ่ง และด้านที่ 6 การจัดทำและประเมินแฟ้มสะสมผลงาน มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.92 อยู่ในระดับที่เห็นด้วยอย่างยิ่ง รวมทั้ง 6 ด้านมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.65 ซึ่งผลการประเมินอยู่ในระดับเห็นด้วยอย่างยิ่ง
The objectives of a research were 1) to develop the portfolio to assessment in mathematics solving problems skills 2) to study the assessment results 3) to study the attitude towards the portfolio assessment in mathematics solving problems skills.
The target samples in the study were 12 Pratom suksa 6 students of Bandonchad school in the second semester of 2007. The research instruments were divided onto two; 1 ) operational instruments comprising 15 mathematics lesson plans 2) data collecting instrument comprising a record model to observe students behaviors and others, a learning achievement test, task assessment model, portfolio assessment model and attitude towards portfolio assessment in mathematics solving problems skills. It was the action research consisting of 4 steps; planning, operating, observation and task reflecting. The researcher had gathered data by observing and recording students behavior, recording the evaluation of performance and portfolio by five assessors, recording the test result, exploring students opinion towards using the task portfolio to evaluate the skills to solve the mathematics questions. Data were analyzed to find out percentage. The evaluation result was ranked. Validity of the work portfolio was sought after. As for reliability, coherence of evaluation was examined. Statistics used were basic statistics, and Kendall correlation coefficient. Statistics significance was tested by Chi-Square and qualitative data were presented in writing.
The research findings were as follows; 1) The process in making work portfolio was composed of 6 stages, 1) planning 2) collecting 3) selecting 4) assessment 5) reflecting and 6) making and assessment.
1. The format had three parts 1) introduction containing covers, background and profile of the person, and objectives 2) students works having selected and evaluated works, and test and it scores. 3) Appendix comprising criteria of evaluation, records of opinions and suggestion, references. Regarding validity, there was a statistical significance at .01 and Spearman correlation co-efficient was equivalent opt .986. As regards reliability, there was a statistical significance at .01 and Kendall correlation co-efficient constituted .617.
2. As for the results gained from using the portfolio to assessment the skills, it was found that there were 8 students with 4.00 grade, 2 students with 3.50, and 2 students with 2.50. The average result of the class was 3.67.
3. Considering the attitude result, it could be considered in 6 aspects 1) in planning, the average was 4.23 (agree), 2) in making and collecting work, the average was 4.52 (highly agree), 3) in work selecting, the average was 4.67 (highly agree), 4) in the assessment, the average was 4.93 (highly agree), 5 in performance reflecting, the average was 4.63 (highly agree), 6) in making and assessment the portfolio, the average was 4.92 (highly agree) The average score of all six aspects was at the highly-agree-level.