การอบรมกล่อมเกลาทางการเมืองที่ส่งผลต่อพฤติกรรมประชาธิปไตยของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายอำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี

Name: พระมหาธีรติ ธมฺมโสภโณ (โศภิตธรรม)

keyword: การเมือง

; ประชาธิปไตย

; นักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย

; อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี

; จังหวัดอุทัยธานี

Abstract: การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาระดับการอบรมกล่อมเกลาทางการเมืองและระดับพฤติกรรมประชาธิปไตยของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในอำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี 2. เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการอบรมกล่อมเกลาทางการเมืองกับพฤติกรรมประชาธิปไตยของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในอำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี 3. เพื่อประยุกต์หลักสัปปุริสธรรม 7 ในการส่งเสริมพฤติกรรมประชาธิปไตยของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในอำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี โดยการวิจัยเป็นแบบผสานวิธี ประกอบด้วยการวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้วิธีการวิจัยเชิงสำรวจที่มีแบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล จากนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่ศึกษาในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุทัยธานี ชัยนาท ในพื้นที่อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี จาก 3 โรงเรียนได้แก่ โรงเรียนอุทัยวิทยาคม จำนวน 943 คน โรงเรียนพุทธมงคลวิทยา จำนวน 125 คน และโรงเรียนหนองเต่าวิทยา จำนวน 28 คน รวม 1,096 คน โดยผู้วิจัยกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างจากการคำนวณโดยใช้ตารางการกำหนดกลุ่มตัวอย่างของ Krejcei & Morgan ได้จำนวนกลุ่มตัวอย่าง 285 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูปทางสถิติเพื่อการวิจัยทางสังคมศาสตร์ สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน วิเคราะห์หาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน (Pearson ’s Product Moment Correlation Coefficient) และการวิจัยคุณภาพ โดยการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ 12 รูปหรือคน โดยใช้แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง และใช้เทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหาเชิงพรรณา ผลการวิจัยพบว่า 1. นักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายในอำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี ได้รับการกล่อมเกลาทางการเมือง โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง (x̄ = 3.32) เมื่อจำแนกเป็นรายด้านพบว่า โดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านกลุ่มเพื่อน (x̄ = 3.60) ด้านสถาบันสื่อสารมวลชน (x̄ =3.47) ด้านสถาบันครอบครัว (x̄ = 3.41) อยู่ในระดับมาก ด้านสถาบันศาสนา (x̄ = 3.26) และสถาบันการศึกษา (x̄ = 2.84) อยู่ในระดับปานกลาง ตามลำดับ และมีพฤติกรรมประชาธิปไตย โดยรวมอยู่ในระดับมาก (x̄ =3.96) เมื่อจำแนกเป็นรายด้านพบว่า โดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านความเคารพสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่น (x̄ =4.19) ด้านความมีเหตุมีผล (x̄ =3.87) และด้านความสามัคคี (x̄ = 3.86) ตามลำดับ 2. ผลการวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างการอบรมกล่อมเกลาทางการเมืองกับพฤติกรรมประชาธิปไตยของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในอำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี พบว่า ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของการอบรมกล่อมเกลาทางการเมืองกับพฤติกรรมประชาธิปไตยของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในอำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี โดยภาพรวม มีความสัมพันธ์เชิงบวกในระดับต่ำ (r = 0.322) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 3. การประยุกต์หลักสัปปุริสธรรม 7 ในการส่งเสริมพฤติกรรมประชาธิปไตยของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในอำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี โดยสามารถให้การอบรมกล่อมเกลาทางการเมืองแก่เยาวชนด้วยแนวทางดังนี้ (1) สถาบันครอบครัว ควรปลูกฝังให้เด็กมีจิตสำนึกต่อความรับผิดชอบต่อหน้าที่ตนเอง ตั้งเป้าหมายในการพัฒนาตนเอง ให้เด็กรับรู้สถานะของตนเองเพื่อปรับตัวให้เข้ากับสังคม ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินชีวิต ตรงต่อเวลา เคารพในกฎกติกาและแนวทางปฏิบัติของสังคม และยอมรับความคิดเห็นหรือความแตกต่างระหว่างบุคคล (2) สถาบันการศึกษา ควรมีการบริหารการศึกษาหรือจัดกระบวนการเรียนรู้ที่สอนให้นักเรียนรู้จักเหตุและผลในการอยู่ร่วมกันในสังคม คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม ทำงานเป็นทีม สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความพอเพียง ฝึกทักษะการแสดงออกให้เหมาะสม ให้รู้จักวิเคราะห์ชุมชนในทุกมิติตามความเป็นจริง ฝึกให้วางตนให้เข้ากับบุคคลอื่นได้ รู้จักการเลือกคบคนและแยกคนออกได้ว่าผู้นั้นควรคบหรือไม่ควรคบ (3) สถาบันสื่อสารมวลชน ควรเผยแพร่องค์ความรู้การประยุกต์หลักเศรษฐกิจพอเพียงในชีวิตประจำวัน และนำเสนอข้อมูลข่าวสารของสภาพสังคมแวดล้อม เพื่อให้เยาวชนปฏิบัติตนเหมาะสมกับสภาพของสังคมอีกทั้ง สื่อสารให้เยาวชนมีทัศนคติที่ดีต่อการยอมรับความคิดเห็นหรือความแตกต่างระหว่างบุคคล รวมถึงการเอาใจเขามาใส่ใจเรา (4) สถาบันศาสนา ควรสอนให้เด็กรู้จักเหตุ การที่จะได้รับผลอะไรย่อมมาจากเหตุนั้น ให้รู้จักยอมรับความเป็นจริงในผลที่ตนเองได้กระทำ ให้มีเป้าหมายในการดำรงชีวิต ให้มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับความเพียงพอ พอใจในสิ่งที่มีอยู่ รู้พอดี พอประมาณ บริจาคทานอย่างมีสติ ให้มีสติสัมปชัญญะ รู้ในสิ่งที่ควรทำว่าต้องทำอะไร ที่ไหน อย่างไร สอนให้เคารพในกฎกติกาและแนวทางปฏิบัติของสังคม และสอนให้เข้าใจและเคารพในความแตกต่างระหว่างบุคคล (5) กลุ่มเพื่อน มีบทบาทคือ เมื่อเกิดความขัดแย้งในกลุ่มเพื่อนควรร่วมกันแก้ไขความขัดแย้งระหว่างกันด้วยหลักเหตุผลและสันติวิธี ชักชวนกันใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาบูรณาการในชีวิต ชักชวนเพื่อนร่วมกันทำกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ ให้เคารพในความเห็นทางการเมืองซึ่งกันและกันแม้จะมีความเห็นที่ต่างกัน

Abstract: Objectives of this research paper were: 1. To study level of political socialization and level of democratic behavior of secondary school students at Mueang Uthai Thani District, Uthai Thani Province, 2. To study the relationship between political socialization and democratic behavior of secondary school students at ​​Mueang Uthai Thani District, Uthai Thani Province and 3. To apply Sappurisadhamma 7 for promoting democratic behavior of secondary school students at ​​Mueang Uthai Thani District, Uthai Thani Province. Methodology was the mixed methods: The quantitative research was used a survey research method with questionnaires as a tool to collect data from secondary school students studying in secondary schools. Under the Office of Secondary Education Service Area, Uthai Thani - Chainat, in the area of ​​Mueang Uthai Thani District, Uthai Thani Province from 3 schools, namely Uthai Witthayakom School with 943 students, Phutthamongkon Witthaya School with 125 students, and Nong Tao Witthaya School with 28 students, totaling 1,096 students. The researcher determined the sample size from the calculation using the Krejcei & Morgan received a sample of 285 people. Data were analyzed with ready-made computer program for social sciences research with descriptive statistics: frequency, percentage, mean, standard deviation, and inferential statistics, Pearson’s Product Moment Correlation Coefficient. The qualitative research, data were collected with structured in-depth-interview script from 12 key informants by in-depth-interviewing and analyzed by content descriptive interpretation. Findings were as follows: 1. secondary school students at ​​Mueang Uthai Thani District, Uthai Thani Province, by overall, received political socialization at the middle level x̄ = 3.32. Each aspect, from high to low level, was found that peer group was at x̄ = 3.60, mass media institution was at x̄ = 3.47, family institution was at x̄ = 3.41which were at high level. Religious institution was at x̄ = 3.26 and educational institution was at x̄ = 2.84 respectively. The students had democratic behavior, by overall, at high level (x̄ = 3.95). Each aspect, from high to low level, was found that other people’s right and freedom respect was at x̄ = 4.19, reasons was at x̄ = 3.87, unity was at x̄ = 3.86, respectively. 2. Result of Correlation Coefficient analysis indicated that the Correlation Coefficient of political socialization of secondary school students at ​​Mueang Uthai Thani District, Uthai Thani Province, by overall, had positive relationship at low level (r=0.322) with the statistically significant level at 0.01. 3. Application of Sappurisadhamma 7 to promote democratic behavior of secondary school students at ​​Mueang Uthai Thani District, Uthai Thani Province by providing political socialization for the youth by the following methods: 1) family institution. There should be instilling the youth to have self-responsibility, setting goal to self-development, self-awareness to adapt oneself to society, punctuality, respecting social rules and regulations, accepting others different opinions and individual differences. 2) educational institutions. There should be educational administration or organization of learning process to help students know reasons to live together in society, pay attention to the interest for all, teamwork, understand moderation, appropriate expression, know how to analyze community in all dimensions in real situation, train to behave with others properly, know how to choose to associate or not to associate, 3) mass media institution. There should be news dispatching on how to apply the principle of sufficiency economy philosophy in daily living, advice data and information about social environment so that the youth would behave in society appropriately. Besides, mass media should communicate to encourage the youth to have good attitudes and accept other’s opinions and individual differences including practicing empathy, 4) religious institution. There should be teaching the youth to have reasons, good results coming from good causes, to accept the results from one own deed, to have good goals in life, to give with mindfulness, to know what should be done, when, where, why and how. Religious institution should teach the youth to respect social rules and regulations and to know and understand the individual differences, 5) peer groups. The role of the peer group is to use reasons and peaceful methods to solve conflicts arisen in the peer groups. Persuading peers to apply the principle of sufficiency economy philosophy to integrate in livelihood, persuading each other to engage in public charity activities, respecting the political opinions, even the different opinions.

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ส่วนหอสมุดกลาง

Address: พระนครศรีอยุธยา

Email: library@mcu.ac.th

Name: วัชรินทร์ ชาญศิลป์

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Name: อนุภูมิ โซวเกษม

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Created: 2564

Modified: 2568-08-29

Issued: 2568-08-29

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

tha

DegreeName: รัฐศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: สาขาวิชารัฐศาสตร์

Grantor: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

©copyrights มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	พระมหาธีรติ ธมฺมโสภโณ (โศภิตธรรม).pdf	9.12 MB

ใช้เวลา

0.018549 วินาที