การศึกษาเชิงเปรียบเทียบรูปแบบการอธิบายอัปปมาทธรรมในพุทธศาสนาเถรวาทและพุทธศาสนามหายาน

Name: สิริกร สิงหฬ

keyword: การศึกษาเชิงเปรียบเทียบ

; รูปแบบการอธิบายอัปปมาทธรรม

; การอธิบายอัปปมาทธรรม

; พุทธศาสนาเถรวาท

; พุทธศาสนามหายาน

Abstract: ดุษฎีนิพนธ์เรื่อง “การศึกษาเชิงเปรียบเทียบรูปแบบการอธิบายอัปปมาทธรรมในพุทธศาสนาเถรวาทและพุทธศาสนามหายาน” มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ 1) ศึกษารูปแบบการอธิบายอัปปมาทธรรมในพุทธศาสนาเถรวาท 2) ศึกษารูปแบบการอธิบายอัปปมาทธรรมในพุทธศาสนามหายาน 3) ศึกษาเปรียบเทียบรูปแบบการอธิบายอัปปมาทธรรมในพุทธศาสนาเถรวาทและพุทธศาสนามหายาน งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาเชิงคุณภาพ โดยเน้นศึกษาข้อมูลเชิงเอกสารและการสานเสวนา ผลการศึกษาพบว่า ความไม่ประมาทหรืออัปปมาทธรรมมีคุณค่ายิ่งในการดำเนินชีวิต จะต้องมีสติระลึกในการละเว้นจากความชั่ว และไม่ควรพลาดโอกาสในการทำความดีงามให้สมบูรณ์ที่สุดด้วยการรักษาศีลและบำเพ็ญบารมี ในพุทธศาสนาทั้งเถรวาทและมหายานเน้นศีล 5 เป็นหลักจริยธรรมขั้นพื้นฐาน แต่พุทธมหายานได้เพิ่มหลักโพธิสัตวศีล บารมี 6 ของพระโพธิสัตว์เป็นวิถีฝึกหัดพัฒนาตนให้เป็นผู้มีสติคือไม่ประมาทหรือมีอัปปมาทธรรมและเกิดปัญญา พิจารณาสัจจธรรมตลอดถึงเจริญมรณัสติเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะกิเลสทั้งหลายด้วย เมื่อเปรียบเทียบการอธิบายอัปปมาทธรรมทั้งสองนิกายพบว่า หลักดังกล่าวสามารถนำมาเป็นต้นแบบการทำให้ชีวิตดำเนินไปในวิถีที่ถูกต้องบนพื้นฐานของความไม่ประมาทในโลกปัจจุบัน เพราะคนส่วนใหญ่มักปล่อยใจไปตามกระแสและไม่รู้เท่าทันผัสสะอารมณ์ความรู้สึกของตนจนถูกข้อมูลข่าวสารในสังคมท่วมทับ หลักอัปปมาทธรรมจะช่วยฉุดรั้งให้เกิดที่พึ่งทางใจคือเกิดสันติสุขภายในและเกิดสันติภาพภายนอกหรือสร้างภูมิคุ้มกันในตัวมนุษย์ทั้งในระดับปัจเจกบุคคล ครอบครัว ชุมชน และสังคม

Abstract: Dissertation on “A Comparative Study of the format of Explanation of Appamadadhamma in Theravada and Mahayana Buddhism” has three objectives: 1) study of the format of Appamadadhamma in Theravada Buddhism; 2) study of the format of the Appamadadhamma in Mahayana Buddhism; 3) comparative study of the format of explaining the Appamadadhamma in Theravada and Mahayana Buddhism. This research is a qualitative study with emphasis placed on documentary studies and discussions. The findings found that Carelessness or careless dharma is the great worth in life. There must be a mindfulness to abstain from evil and also, we should not abandon the opportunity to do good deeds to the fullest by keeping the precepts (Practicing of Sila) and performing the meritorious acts. The five precepts are the basic principles of ethics in both Theravada and Mahayana Buddhism, But Mahayana added the Bodhisattva precepts, the six prestiges of the Bodhisattva as a way of training and developing oneself to be mindful, not being heedless or having careless dharmas and gaining wisdom, including the consideration of the truth as well as the development of the mindful death for the extinction of all defilements. When comparing the descriptions of the two sects, it was found that “Such principles can be used as a model for making life proceed in the right way based on carelessness in today's world. Because most people tend to neglect their minds go along with the worse trend and even, they didn't know how to touch their right emotions until they are overwhelmed by information in society. The principles of Careless Dhamma will be helping to bring about spiritual reliance; that is, inner peace and outer peace, together with building immunity in human beings at the individual, family, community, and social levels.

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. ส่วนหอสมุดกลาง

Address: พระนครศรีอยุธยา

Email: library@mcu.ac.th

Name: แสวง นิลนามะ

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Name: ณัทธีร์ ศรีดี

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Created: 2566

Modified: 2568-08-20

Issued: 2568-08-20

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

tha

DegreeName: พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต

Level: ปริญญาเอก

Descipline: สาขาวิชาศาสนาเปรียบเทียบ

Grantor: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

©copyrights มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	13-สิริกร สิงหฬ.pdf	1.47 MB

ใช้เวลา

0.025009 วินาที