การปรับปรุงประสิทธิภาพห่วงโซ่คุณค่าทุเรียนไทยโดยอาศัยการเรียนรู้เชิงลึกเพื่อจำแนกหลายป้าย
 
    
    A performance improvement of Thais durian value chain using deep learning for multi-label classification
 			  
			  
    
    Abstract:
     งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตในอุตสาหกรรมการส่งออกทุเรียน โดยเริ่มจากการศึกษากระบวนการผลิตแบบเดิมแล้วนำข้อมูลมาวิเคราะห์กิจกรรมโดยใช้ work study เพื่อเรียงลำดับกระบวนการที่เกิดขึ้นในการผลิต แล้วนากระบวนการที่ได้มาวิเคราะห์ความสูญเปล่า (Waste) โดยใช้แผนผังสายธารคุณค่า (Value Stream Mapping: VSM) เพื่อทราบถึงปัญหาในกระบวนการผลิต จากการศึกษาพบว่า ปัญหาเกิดขึ้นในส่วนกลางน้าของกระบวนการผลิต คือ การมีต้นทุนที่สูงมากในกระบวนการคัดแยกทุเรียน จากนั้นนาปัญหาที่พบมาแก้ไขโดยการศึกษาปัจจัยเกี่ยวกับการส่งออกทุเรียนแล้วนาข้อมูลมาออกแบบเครื่องมือในการคัดแยกทุเรียนเพื่อส่งออก จากการศึกษาพบว่า ปัจจัยในการส่งออกทุเรียน คือ ชั้นคุณภาพ (คุณภาพและขนาด) และความแก่อ่อนของทุเรียน นาปัจจัยเหล่านี้มาออกแบบเครื่องมือในการคัดแยกทุเรียนโดยการใช้เทคนิคการประมวลผลภาพด้วยการใช้โครงข่ายประสาทเทียมแบบคอนโวลูชัน (Convolutional Neuron Network: CNN) เพื่อจาแนกทุเรียน 24 กลุ่ม ประกอบด้วย ทุเรียน 4 พันธุ์ ได้แก่ หมอนทอง ชะนี ก้านยาว และกระดุมทอง ที่คัดแยกตามชั้นคุณภาพ 3 ชั้น และความแก่อ่อนของทุเรียน ใช้ข้อมูลภาพทุเรียนทั้งหมด 3,000 ภาพ จากการทดลองพบว่า การใช้ CNN ในการจำแนกทุเรียนมีความแม่นยำ ร้อยละ 94.58 ในชุดข้อมูลสาหรับการเรียนรู้ (Training set) ร้อยละ 87.50 ในชุดข้อมูลสาหรับการตรวจสอบ (Validation set) และร้อยละ 87.43 ในชุดข้อมูลสาหรับการทดสอบ (Test set) และเมื่อนา model มาใช้ในการทานายภาพทุรียน พบว่า มีความถูกต้อง ร้อยละ 76.19 จากนั้นนาผลที่ได้มาออกแบบเครื่องจักร โดยการออกแบบสอบถามผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมการส่งออกทุเรียน จานวน 7 คน แล้วนาข้อมูลที่ได้มาจัดลาดับความสาคัญของปัจจัยในการคัดเลือกเครื่องจักรสำหรับคัดแยกทุเรียนโดยใช้กระบวนการวิเคราะห์เชิงลำดับชั้น จากการสอบถามพบว่า เครื่องจักรที่มีความเหมาะสม คือ เครื่องคัดแยกทุเรียนแบบสายพานลาเลียง จากนั้นนาข้อมูลมาออกแบบกระบวนการผลิตทุเรียนส่งออกแบบใหม่ ซึ่งเป็นกระบวนการผลิตภายในโรงคัดบรรจุผลไม้ที่ทาการคัดแยกทุเรียนทั้งหมด 5,760 ลูก โดยการจำลองสถานการณ์ด้วยคอมพิวเตอร์ จากการทดลองพบว่า กระบวนการผลิตแบบใหม่สามารถลดกิจกรรมในการทางานจากเดิม 11 กิจกรรม เหลือเพียง 4 กิจกรรม ลดแรงงานลงจากเดิม 16 คน เหลือเพียง 6 คน ลดเวลาการดำเนินงานจากเดิม 36.34.44 ชั่วโมง เหลือเพียง 15.33.18 ชั่วโมง และสามารถลดต้นทุนการผลิตลงได้จาก 163,148.23 บาท เป็น 86,356.53 บาท ดังนั้นจะเห็นได้ว่า การนำเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการบริหารการผลิตการส่งออกทุเรียน มีประโยชน์ในแง่การลดต้นทุนการผลิตเป็นอย่างยิ่ง       
    
 
            		
    
    
     มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. สำนักวิทยบริการ       
    
 
            		
    
    ©copyrights มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี