ตัวบ่งชี้ทางชีวภาพที่จำเพาะต่อเชื้อ Methicillin-resistant Staphylococcus aureus ด้วยเทคนิค matrix-assisted laser desorption ionization-time of flight mass spectrometry
Specific biomarker of Methicillin-resistant Staphylococcus aureus by matrix-assisted laser desorption ionizaion-time of flight mass spectrometry
Abstract:
Methicillin-resistant Staphylococcus aureus (MRSA) เป็นเชื้อแบคทีเรียดื้อยาก่อโรคสำคัญชนิดหนึ่งที่พบบ่อยในโรงพยาบาล หากกระบวนการตรวจวินิจฉัยเพื่อการรักษาช้าลง ส่งผลให้อัตราครองเตียงนานขึ้นและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น รวมถึงเพิ่มอัตราการตายอีกด้วย เทคนิค Matrix-Assisted Laser Desorption Ionization-Time of Flight Mass Spectrometry (MALDI-TOF MS) มีบทบาทในการตรวจวิเคราะห์ชนิดของเชื้อจุลชีพและเชื้อดื้อยาในทศวรรษที่ผ่านมามากยิ่งขึ้น งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหาตัวบ่งชี้ทางชีวภาพที่จำเพาะด้วยเทคนิค MALDI-TOF MS ที่สามารถใช้ในการจำแนกเชื้อดื้อยา methicillin-resistant Staphylococcus aureus (MRSA) ออกจากเชื้อ methicillin-susceptible Staphylococcus aureus (MSSA) ได้และประเมินประสิทธิภาพของวิธีนั้น วิธีวิจัย: ศึกษาตัวอย่างเชื้อ S. aureus จำนวน 290 สายพันธุ์จากสิ่งส่งตรวจทางคลินิกไม่ซ้ำรายกัน โดยตัวอย่างกลุ่มแรกจำนวน 137 สายพันธุ์ เพื่อทดสอบหาตัวบ่งชี้ทางชีวภาพที่จำเพาะและกลุ่มที่สองจำนวน 153 สายพันธุ์ เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของวิธี ในตัวอย่างกลุ่มแรกทำการทดสอบเชื้อในงานประจำด้วยวิธีสัณฐานวิทยา, การดูสีแกรม, การทดสอบ coagulase, การทดสอบ catalase และการทดสอบการหมักย่อยน้ำตาลแมนนิตอล รวมถึงการทดสอบความไวต่อสารต้านจุลชีพ cefoxitin เพื่อตรวจการดื้อต่อยา oxacillin ตามมาตรฐานของ CLSI ซึ่งตัวอย่างทั้งหมดจะได้รับการพิสูจน์เชื้อซ้ำด้วยเทคนิค MALDI-TOF MS สำหรับการตรวจหาตัวบ่งชี้ทางชีวภาพ เชื้อทุกสายพันธุ์ต้องได้รับการตรวจยืนยันยีนดื้อยา mecA ด้วยเทคนิค PCR จึงนำไปตรวจหามวลสเปกตรัมโปรตีนและวิเคราะห์แผนภาพ 3 มิติด้วยเทคนิค PCA เพื่อจำแนกเชื้อ MRSA จากเชื้อ MSSA โดยเทคนิค MALDI-TOF MS แล้วจึงนำตัวอย่างกลุ่มทดลองจำนวน 91 สายพันธุ์มาประเมินประสิทธิภาพของวิธี ผลการวิจัย: การตรวจวิเคราะห์เชื้อด้วยเทคนิค MALDI-TOF MS และยีน mecA ด้วย PCR สามารถพิสูจน์เชื้อในเบื้องต้นได้ดังนี้ เชื้อ 64 ใน 137 สายพันธุ์คือ MRSA, 55 ใน 137 สายพันธุ์คือ MSSA, 15 ใน 137 สายพันธุ์คือเชื้อที่วิเคราะห์ผิดไปเป็น S. haemolyticus และ S. argenteus และ 3 ใน 137 สายพันธุ์คือเชื้อปนเปื้อน จากจำนวน 119 ตัวอย่างพบว่าเป็น MRSA 64 สายพันธุ์ MSSA 55 สายพันธุ์ด้วยการตรวจ PCR หายีน mecA ส่วนเชื้อที่วิเคราะห์ผิดและปนเปื้อนถูกตัดออกจากกลุ่มตัวอย่าง จากการคำนวณทางสถิติพบว่า เมื่อเปรียบเทียบวิธีที่ใช้ในงานประจำกับเทคนิควิเคราะห์เชื้อด้วย MALDI-TOF MS กับ PCR มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญ (p<0.001) และทั้งสองวิธีมีความสอดคล้องกันอย่างมีนัยสำคัญ (Cohens Kappa ; p<0.001) ผลความไว ความจำเพาะ ค่าทำนายเมื่อผลเป็นบวก ค่าทำนายเมื่อผลเป็นลบ ค่าความถูกต้องเท่ากับ 100% เชื้อที่ได้รับการพิสูจน์ยืนยันด้วย mecA นำไปทดสอบหา mass spectral protein profiling และ PCA analysis แล้วทำการเปรียบเทียบรูปแบบสเปกตรัมโปรตีนของเชื้อที่ทดสอบทั้งหมดทำให้ได้ Model mass spectrum range 7 ช่วงสำคัญที่สามารถแยกชนิดของเชื้อ MRSA ออกจากเชื้อ MSSA ได้แก่ 4499-4510 m/z, 5434-5453 m/z, 5543-5550 m/z, 5566-5581 m/z, 6881-6886 m/z, 9634-9651 m/z และ 10893-10938 m/z เมื่อทดสอบ Model ในกลุ่มทดลองจำนวน 153 สายพันธุ์ พบว่าให้ผลความไว ความจำเพาะ ค่าทำนายเมื่อผลเป็นบวก ค่าทำนายเมื่อผลเป็นลบ และค่าความถูกต้อง เท่ากับ 100% เมื่อหาค่า Pearson chi-square และค่า Cohens Kappa พบว่า p<0.001 สรุปได้ว่า Model mass spectrum range 7 ช่วงเป็นตัวบ่งชี้ทางชีวภาพที่จำเพาะสามารถจำแนกเชื้อ MRSA ออกจากเชื้อ MSSA ได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ รวดเร็ว
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. หอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
Role:
อาจารย์ที่ปรึกษาหลัก
Role:
อาจารย์ที่ปรึกษาร่วม
©copyrights มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์