ผลการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคเอสทีเอดีที่มีต่อ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและเจตคติต่อการเรียนวิชาการงานอาชีพของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

The Effect of Cooperative Learning Management by STAD on Learning Achievement and Attitude towards Academic Careers of Prathomsuksa 6 Students

Name: พันธ์ทิพย์ บุญรัตน์

ThaSH: การเรียนรู้แบบร่วมมือ

ThaSH: ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน

ThaSH: เจตคติต่อการเรียน วิชาการงานอาชีพ

ThaSH: เทคนิคเอสทีเอดี

Abstract: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาการงานอาชีพของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคเอสทีเอดี 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาการงานอาชีพของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับ การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคเอสทีเอดีกับเกณฑ์ร้อยละ 80 ของคะแนนเต็ม และ3) ศึกษา เจตคติต่อการเรียนวิชาการงานอาชีพของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคเอสทีเอดี กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ของโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ สังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จำนวนนักเรียน 32 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคเอสทีเอดี จำนวน 6 แผน ที่มีคุณภาพในระดับความเหมาะสมมากที่สุด (X̅ = 4.77, S.D. = 0.22) 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาการงานอาชีพมีค่าดัชนีความสอดคล้องอยู่ระหว่าง 0.67 - 1.00 มีค่าความยากอยู่ในช่วงระหว่าง 0.39 – 0.72 มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ในช่วงระหว่าง 0.24 – 0.68 และมีค่าความเชื่อมั่นที่ 0.85 ซึ่งอยู่ในระดับสูง 3) แบบวัดเจตคติต่อการเรียนวิชาการงานอาชีพใช้ แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating scale) 5 ระดับ จำนวน 20 ข้อ มีค่าดัชนีความสอดคล้องอยู่ระหว่าง 0.67 - 1.00 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.87 การวิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบทีกรณีกลุ่มตัวอย่างไม่เป็นอิสระต่อกันและการทดสอบทีกรณีกลุ่มตัวอย่างเดียว ผลการวิจัยพบว่า 1. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคเอสทีเอดี มีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 19.68 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.99 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน เท่ากับ 24.96 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.69 แสดงว่านักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคเอสทีเอดี มีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าคะแนนก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคเอสทีเอดี มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 24.96 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้คือร้อยละ 80 คือ 24 แสดงว่านักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค เอสทีเอดีมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 ของคะแนนเต็ม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีเจตคติต่อการเรียนวิชาการงานอาชีพหลังจากที่ได้รับ การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคเอสทีเอดี โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (X̅ = 4.54, S.D. = 0.66)

มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ

Address: นครสวรรค์

Email: library@nsru.ac.th

Name: สุธาทิพย์ งามนิล

Role: อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์

Created: 2565

Modified: 2567-07-16

Issued: 2567-07-16

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

tha

DegreeName: ครุศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: หลักสูตรและการสอน

Grantor: มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์

©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	Phanthip Boonrut.pdf	5.41 MB	23	2025-07-14 15:21:01

ใช้เวลา

0.017001 วินาที