การศึกษาประสิทธิภาพเซรั่มสารสกัดถั่วหลืองในการรักษาฝ้า
The efficacy of Soybean extract serum for the treatment of melasma
Abstract:
ภูมิหลัง: ฝ้าเป็นความผิดปกติทางผิวหนังเกี่ยวข้องกับการผลิตเม็ดสีผิว ส่วนใหญ่พบบริเวณใบหน้าโดยเฉพาะตำแหน่งที่โดนแสงแดดบ่อย ซึ่งเป็นโรคที่รักษายากและมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้มาก ผู้วิจัยจึงมีแนวคิดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ช่วยในการรักษาฝ้าที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติในรูปแบบของเซรั่มสารสกัดถั่วเหลือง ที่ใช้งานง่ายและสะดวกต่อการใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่น
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาประสิทธิภาพการใช้เซรั่มสารสกัดถั่วเหลืองในการรักษาฝ้า
วิธีการศึกษา: ผู้เข้าร่วมวิจัยทั้งเพศชายและหญิง อายุระหว่าง 20-45 ปี จำนวน 18 คน
ที่ได้รับการวินิจฉัยเป็นฝ้าชนิดตื้นหรือชนิดผสม โดยทำการสุ่มเลือกข้างของใบหน้า ซึ่งจะมีข้างหนึ่งทาเซรั่มสารสกัดถั่วเหลืองและอีกข้างหนึ่งทาเซรั่มพื้นฐาน ใช้ทาทุกวัน วันละ 2 ครั้ง ต่อเนื่อง 12 สัปดาห์ จากนั้นผู้วิจัยประเมินผลในสัปดาห์ที่ 4, 8 และ 12 ด้วย MASI score และ mean melanin index โดยใช้เครื่อง Mexameter® รวมทั้งผลข้างเคียงและความพึงพอใจในการรักษา
ผลการศึกษา: ใบหน้าข้างที่ทาเซรั่มสารสกัดถั่วเหลือง MASI score ก่อนการทดลองเทียบกับระยะติดตามผลในสัปดาห์ที่ 4, 8 และ 12 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในสัปดาห์ที่ 8 และ 12
(p-value = 0.017 และ p-value <0.001 ตามลำดับ) ส่วนใบหน้าข้างที่ทาเซรั่มพื้นฐาน MASI score ก่อนการทดลองเทียบกับระยะติดตามผลในสัปดาห์ที่ 4, 8 และ 12 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ทางสถิติหลังทดลองในสัปดาห์ที่ 12 (p-value = 0.037) ซึ่งในสัปดาห์ที่ 12 ใบหน้าที่ได้ทาเซรั่มสารสกัดถั่วเหลืองมีค่าเฉลี่ย MASI score ลดลงมากกว่าใบหน้าที่ได้ทาเซรั่มพื้นฐานอย่างมีนัยสำคัญ
ทางสถิติ (p-value = 0.029) เมื่อเปรียบเทียบใบหน้าข้างที่ทาเซรั่มสารสกัดถั่วเหลือง มีค่า mean melanin index ก่อนการทดลองเทียบกับระยะติดตามผลในสัปดาห์ที่ 4, 8 และ 12 ลดลงอย่าง
มีนัยสำคัญทางสถิติในสัปดาห์ที่ 12 (p-value = 0.005) ส่วนใบหน้าข้างที่ทาเซรั่มพื้นฐานมีค่า mean melanin index ก่อนการทดลองเทียบกับระยะติดตามผลในสัปดาห์ที่ 4, 8 และ 12 แตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value = 0.153, p-value = 1.000 และ p-value = 1.000 ตามลำดับ) ซึ่งในสัปดาห์ที่ 12 ใบหน้าที่ได้ทาเซรั่มสารสกัดถั่วเหลืองมีค่าเฉลี่ย mean melanin index ลดลงมากกว่าใบหน้าที่ได้ทาเซรั่มพื้นฐานอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value = 0.037) ผู้เข้าร่วมวิจัยมีความพึงพอใจในการใช้เซรั่มสารสกัดถั่วเหลืองกับเซรั่มพื้นฐานแตกต่างกันอย่าง
ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value = 0.654) โดยไม่พบผลข้างเคียงใด
สรุปผลการศึกษา: เซรั่มสารสกัดถั่วเหลืองมีประสิทธิภาพในการรักษาฝ้า เมื่อเปรียบเทียบกับเซรั่มพื้นฐาน หลังใช้ต่อเนื่องเป็นเวลา 12 สัปดาห์ โดยประเมินผลด้วย MASI score และค่า mean melanin index จึงเหมาะที่จะนำไปใช้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษาฝ้า
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง. ศูนย์บรรณสารและสื่อการศึกษา
©copyrights มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง