Abstract:
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจแบบภาคตัดขวาง มีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายและหาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกัน โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กลุ่มตัวอย่างคือ พนักงานส่งอาหารเดลิเวอรี่ ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 276 คน ใช้วิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบตามสะดวก เก็บข้อมูลระหว่างเดือนกรกฎาคม - สิงหาคม พ.ศ.2565 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถามที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและสถิติอนุมาน ได้แก่ สถิติสหสัมพันธ์ของเพียร์สันและการถดถอยพหุคูณเชิงเส้น ผลการศึกษาพบว่า พนักงานส่งอาหารเดลิเวอรี่ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ร้อยละ 90.58 อายุเฉลี่ย 30.45 ± 8.31 ปี ส่วนมากจบ อนุปริญญาหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ร้อยละ 46.01 ระยะเวลาในการประกอบอาชีพพนักงานส่งอาหารเดลิเวอรี่เฉลี่ย 1.8±1.17 ปี ลักษณะงานที่ทำส่วนใหญ่ ทำเป็นงานประจำ ร้อยละ 75.00 ส่วนมากเหตุผลที่มาประกอบอาชีพพนักงานส่งอาหารเดลิเวอรี่ คือ เปลี่ยนอาชีพ ร้อยละ44.93 และพบว่าพนักงานส่งอาหารเดลิเวอรี่มีความรอบรู้ด้านสุขภาพในการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และพฤติกรรมการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อยู่ในระดับดีมาก ร้อยละ 76.81 และ 92.39 ตามลำดับ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกัน โรคโควิด 19 ได้แก่ ปัจจัยส่วนบุคคลด้านเหตุผลที่มาประกอบอาชีพพนักงานส่งอาหารเดลิเวอรี่ คือเพื่อเปลี่ยนอาชีพ (ꞵ=-0.120, p<0.05) โดยมีเหตุผลด้านการหารายได้เสริม ตกงานและการทำเป็นอาชีพ เป็นค่าอ้างอิงของการเปรียบเทียบ และปัจจัยความรอบรู้ด้านสุขภาพ ด้านทักษะการใช้ข้อมูล (ꞵ=0.304, p <0.001) โดยทั้งสองปัจจัยนี้สามารถร่วมในการทำนายพฤติกรรมการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 ของพนักงานส่งอาหารเดลิเวอรี่ ได้ร้อยละ 10.80 (R2 = 0.108) ดังนั้นการส่งเสริมให้พนักงานส่งอาหารเดลิเวอรี่มีพฤติกรรมการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงแรงงานและหน่วยงานด้านสาธารณสุขรวมถึงบริษัทแพลตฟอร์มจัดส่งอาหารเดลิเวอรี่ ควรสร้างเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพด้านทักษะการใช้ข้อมูล โดยมุ่งเน้นในกลุ่มพนักงานส่งอาหารเดลิเวอรี่รายใหม่
This cross-sectional survey research aimed to identify and explain the factors that influence the behaviors of COVID-19 prevention food delivery workers in Bangkok. The study selected 276 participants using convenience sampling, and data were collected from July to August 2022. A questionnaire created by the researchers was used as the research tool. The collected data were analyzed using descriptive and inferential statistics, Pearson's correlation, and linear multiple regression. The study found that the majority of the food delivery workers (90.58%) were male, with an average age of 30.45 ± 8.31 years, and 46.01% held a diploma or higher vocational certificate. The average time for delivery staff to deliver food was 1.8 ± 1.17 years, and 75.00% worked full-time. The most common reason for becoming a food delivery worker was a career change, accounting for 44.93% of the participants. Moreover, the study found that food delivery workers had very good health literacy to prevent COVID-19 and behaviors to prevent COVID-19, with 76.81% and 92.39%, respectively. The study revealed that two factors, namely personal reasons for becoming delivery workers (ꞵ= -0.120, p <0.05) (with reasons for earning extra income, unemployment and occupation as reference values for comparison) and health literacy in information skills (ꞵ= 0.304, p <0.001), significantly influenced COVID-19 prevention behaviors. These two factors predicted COVID-19 prevention behaviors among food delivery staff by 10.80% (R2 = 0.108). As a result, in order to encourage employees to adopt behaviors that prevent the spread of COVID-19, the Ministry of Labor and Public Health, as well as food delivery platform companies, should promote health literacy and information skills, particularly for new workers.