ระบบจัดเก็บพลังงานชนิดไฮบริดจ์ที่เชื่อมต่อ DC บัส : กรณีศึกษาระหว่างแบตเตอรี่และตัวเก็บประจุยิ่งยวด

A hybrid energy storage system connected to DC bus : case study on battery and supercapacitors

Name: อัฐพงษ์ มาเม่น

ThaSH: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ -- วิทยานิพนธ์. วศ.ม. (วิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์) 2560

Classification :.LCCS: TK7872.C65

ThaSH: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. สาขาวิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ -- วิทยานิพนธ์

ThaSH: ตัวเก็บประจุยิ่งยวด

ThaSH: แบตเตอรี่

ThaSH: เซลล์แสงอาทิตย์

Abstract: วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ศึกษาเกี่ยวกับระบบจัดเกบ็พลังงานชนิดไฮบริดจ์ที่เชื่อมต่อกับ DC บัส เพื่อศึกษาทดสอบและวิเคราะห์เกี่ยวกับการบริหารจัดการพลังงานของรอบในช่วงการชาร์จและคายประจุพลังงานของสองอุปกรณ์จัดเก็บพลังงานระหว่งแบตเตอรี่และตัวเก็บประจุยิ่งยวดที่แบ่งช่วงในการทำการชาร์จและคายประจุพลังงาน ซึ่งอุปกรณ์จัดเก็บพลังงานแบตเตอรี่นั้นจะทำการชาร์จและคายประจุพลังงานในช่วงที่พลังงานนั้นเกิดความผันผวนในย่านแรงดันต่ำ และมีค่าของพลังงานที่คงที่เป็นระยะเวลานาน และอุปกรณ์จัดเก็บพลังงานตัวเก็บยิ่งยวดนั้นจะทำการชาร์จและคายประจุพลังงานพลังงานในในย่านที่แรงดันที่สูงและไม่คงที่ในระยะเวลาสั้น ๆ ตามค่าของการเกิดความผันผวนของพลังงานระหว่างแหล่งจ่ายและค่าการใช้งานโหลด จากการทดลองกำหนดขนาดของระบบที่สามารถผลิตพลังงานสูงสุดที่ 17V และความต้องการของโหลดใช้งานสูงสุดที่ 12V และกำหนดช่วงของแรงดันที่ ≤ 13.32V จัดเก็บพลังงานที่แบตเตอรี่และช่วงของแรงดันที่ ≥13.33V จัดเก็บพลังงานที่ตัวเก็บ ประจุยิ่งยวด และช่วงของการคายประจุพลังงานแรงดันที่ ≤ 10V จะคายประจุจากพลังงานจากแบตเตอรี่และช่วงของแรงดันที่ ≥ 10V จะคายประจุจากตัวเก็บประจุยิ่งยวด ซึ่งจากการทดลองแสดงให้เห็นว่า ระบบจัดเก็บพลังงานแบบไฮบริดจ์สามารถแบ่งรอบของการชาร์จและคายประจุพลังงานระหว่างแบตเตอรี่และตัวเก็บประจุยิ่งยวดในช่วงของค่าพลังงานที่เกิดความผันผวน ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาความไม่เหมาะสมของพลังงานระหว่างโหลดและแหล่งจ่ายที่มีความผันผวนของพลังงานและเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบกะทันหัน นอกจากนั้นระบบจัดเก็บพลังงานชนิดไฮบริดจ์ยังสามารถช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ให้มีอายุการใช้งานที่นานขึ้นเนื่องจากสามารถลดรอบของการชาร์จและการคายประจุของแบตเตอรี่ลดลงได้ This article presents hybrid storage system connected to the DC bus, the aims to study the experiments and the analyze on the energy cycles management during the charge and discharge cycles of two energy storage devices between the battery and the super-capacitors that divide the charge and discharge pluses. The battery storage device charges and discharges energy during periods of energy fluctuations in the low voltage and constant energy value for a long time operated. The super-capacitor capacitor charges and discharges energy in the high voltage are not constant for a short period when fluctuation of energy from the source and loads. The simulation defined the system can generate maximum power 17V and peak load requirements 12V. The charging power storage, the voltage range ≤ 13.32V was stored on battery if voltage ≥13.33V was stored on super-capacitor. The discharging power, the voltage range ≤10V be discharge from battery, and if voltage ≥ 10V will be discharged from the super-capacitor. The experiments were shown, the hybrid energy storage system can divide the charge and discharge cycles between the battery and the super-capacitor of power fluctuation. This can solve the problem of energy insufficiency between fluctuating loads and sources during sudden changes. In addition, the hybrid energy storage system can provide the longer battery life due to the reduced charge and discharge cycles of the battery.

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. สำนักหอสมุด

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: tdckulib@ku.ac.th

Name: อุเทน สุปัตติ

Role: อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์หลัก

Created: 2560

Modified: 2566-05-29

Issued: 2566-05-29

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

URL: https://kasetsart.idm.oclc.org/login?url=https://www.lib.ku.ac.th/KUthesis/2560/attapong-mam-all.pdf

CallNumber: TK7872.C65.อ113

tha

DegreeName: วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: วิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์

Grantor: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

©copyrights มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	attapong-mam-all.pdf	3.91 MB

ใช้เวลา

0.031468 วินาที