การคัดเลือกไรโซแบคทีเรียปฏิปักษ์ในการส่งเสริมการเจริญเติบโตและควบคุมเชื้อสาเหตุโรครากเน่าของอ้อย

Screening of antagonistic rhizobacteria for plant growth promoting and controlling sugarcane root rot pathogen

Name: ปัทมา เหรียญจื้อ

ThaSH: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ -- วิทยานิพนธ์. วท.ม. (โรคพืช) 2559.

Classification :.LCCS: SB608.S9

ThaSH: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. -- สาขาโรคพืช -- วิทยานิพนธ์

ThaSH: อ้อย -- โรครากเน่า

ThaSH: อ้อย -- โรคและศัตรูพืช

ThaSH: ไรโซแบคทีเรีย

Abstract: เก็บตัวอย่างอ้อยที่แสดงอาการรากเน่าจากแปลงปลูกในจังหวัดกาญจนบุรี, นครปฐม และราชบุรี สามารถแยกได้เชื้อ Pythium spp. จำนวน 6 ไอโซเลต และ Fusarium spp. จำนวน 6 ไอโซเลต โดยแยกจากรากที่เป็นแผลและดินปลูกอ้อย จำแนกเชื้อทั้ง 12 ไอโซเลต โดยใช้ลักษณะทางสัณฐานวิทยา ตามหลักการ Koch’s postulation ทำการทดสอบความสามารถของเชื้อทั้ง 12 ไอโซเลตในการทำให้เกิดโรค พบว่าเฉพาะเชื้อ Pythium spp. จำนวน 6 ไอโซเลตเท่านั้นที่ก่อให้เกิดโรคกับต้นกล้าอ้อย การคัดเลือกไรโซแบคทีเรียที่มีศักยภาพในการควบคุมทางชีววิธีต่อโรครากเน่าอ้อย โดยแยกแบคทีเรียจากดินบริเวณรอบรากอ้อยและการคัดเลือกในระดับห้องปฏิบัติการเพื่อให้ได้เชื้อที่สามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชและเป็นปฏิปักษ์ต่อเชื้อ Pythium sp. จากเชื้อไรโซแบคทีเรีย 165 ไอโซเลต คัดเลือกได้ 3 ไอโซเลต (KJI19-8, KPS6-1 และ Rb13-1) ที่มีคุณสมบัติเป็นแบคทีเรียที่สามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตได้มากที่สุด โดยสามารถตรึงไนโตรเจน, ละลาย ฟอสเฟตและโพแทสเซียม, ผลิต Indole-3-acetic acid และยับยั้งการเจริญของเชื้อ Pythium sp. จากนั้นจึงนำไอโซเลตที่ทำการคัดเลือกมาทดสอบการส่งเสริมการเจริญเติบโตและควบคุมรากเน่าอ้อยในสภาพโรงเรือนทดลอง โดยนำเซลล์แขวนลอยของไรโซแบคทีเรียทั้ง 3 ไอโซเลต ที่เตรียมจากการเลี้ยงแบคทีเรียในอาหารเหลว Nutrient glucose broth (108CFU/ml) ราดลงดินในกระถาง (ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 15 เซนติเมตร) ที่ 15, 30, 45 และ 60 วันหลังปลูก เพื่อรักษาประชากรของไรโซแบคทีเรียที่ให้คงอยู่ในดิน ทำการปลูกเชื้อต้นกล้าอ้อยด้วยสปอร์แขวนลอยของเชื้อ Pythium sp. ไอโซเลต SD1/9-2 หลังจากปลูกอ้อยเป็นระยะเวลา 2 เดือน ผลการประเมินโรคและการส่งเสริมการเจริญเติบโตของอ้อยพันธุ์ LK92-11 และ KK3 ที่ระยะเวลา 21 วันหลังปลูกเชื้อ Pythium sp. แสดงให้เห็นว่าเชื้อไรโซแบคทีเรียทั้ง 3 ไอโซเลต มีปะสิทธิภาพในการควบคุมโรครากเน่าและส่งเสริมการเจริญเติบโตของอ้อย ในไรโซแบคทีเรีย 3ไอโซเลต พบว่า KJI 19-8 แสดงผลที่ดีกว่าในเกือบทุกการตรวจสอบ เช่น ความสูง, เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น, น้ำหนักสด และน้ำหนักแห้ง ในอ้อยทั้งสองพันธุ์ Sugarcane root rot symptoms were collected from sugarcane fields in Kanchanaburi, Nakhon Pathom and Ratchaburi provinces. Six isolates of Pythium sp. and six isolates of Fusarium sp. were isolated from the lesions on the root and planting soils. These twelve isolates were identified based on morphological characteristic. In pathogenicity test, only six isolates of Pythium sp. were pathogenic to the seedling of sugarcane after undergoing the Koch’s postulation protocol. For selection of rhizobacteria that potentially function as biocontrol agent of sugarcane root rot, bacteria were isolated from sugarcane rhizosphere and screened for their in vitro plant growth promoting activity and antagonistic activity against Pythium sp. Of the 165 isolates rhizobacteria, 3 isolates (KJI19-8, KPS6-1 and Rb13-1) were selected as most promising plant growth promoting bacteria based on nitrogen fixation, phosphate and potassium solubilization, indole acetic acid production and growth inhibition of Pythium sp. The selected isolates were tested for growth promotion and controlling of sugarcane root rot under greenhouse conditions. Cell suspension of the 3 isolates, prepared from bacteria cultured in nutrient glucose broth (108CFU/ml) were drenched in soil pot (diameter 15 cm) at 15, 30, 45 and 60 days after planting in order to maintain sufficient populations of rhizobacteria in the soil. Sugarcane seedling were inoculated with spore suspension of Pythium sp. isolate SD1/9-2 after planting for 2 months. Evaluation on disease incidence and growth promoting of sugarcane variety LK92-11 and KK3 at 21 days after inoculation with Pythium sp. demonstrated that the three rhizobacteria isolates were effective for control of root rot and promote growth of sugarcane. Among the three isolates, KJI19-8 was found almost equally better in all aspects such as plant height, stem diameter, fresh and dry matter production in both varieties.

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. สำนักหอสมุด

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: tdckulib@ku.ac.th

Name: ชลิดา เล็กสมบูรณ์

Role: อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์หลัก

Name: เรวัต เลิศฤทัยโยธิน

Role: อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม

Created: 2559

Modified: 2566-05-22

Issued: 2566-05-22

วิทยานิพนธ์/Thesis

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

URL: https://kasetsart.idm.oclc.org/login?url=https://www.lib.ku.ac.th/KUthesis/2559/phattama-rea-all.pdf

CallNumber: SB608.S9 .ป114

tha

DegreeName: วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: โรคพืช

Grantor: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

©copyrights มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	phattama-rea-all.pdf	2.02 MB

ใช้เวลา

0.02512 วินาที