การเห็นคุณค่าในตนเองและแรงจูงใจที่จะเรียน กรณีศึกษา นักเรียนการบริบาลในโรงเรียนปิยะมินทร์คุณารักษ์

Self-esteem and motivation to learn a case study Health care students at Piyaminkunarak School

Name: วัชรกร นิยมรส

keyword: นักเรียนการบริบาล

ThaSH: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ -- วิทยานิพนธ์. ศศ.ม. (การศึกษานอกระบบเพื่อพัฒนาสังคม) 2559.

Classification :.LCCS: BF697.5.S46

ThaSH: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. -- สาขาการศึกษานอกระบบเพื่อพัฒนาสังคม -- วิทยานิพนธ์

ThaSH: ความนับถือตนเอง

Abstract: การเห็นคุณค่าในตนเองและแรงจูงใจที่จะเรียนเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งสำหรับบุคคลที่จะ รับมือกับความท้าทายต่าง ๆ และนำไปสู่การประสบความสำเร็จที่ดีการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษา การเห็นคุณค่าในตนเองและแรงจูงใจที่จะเรียนบนพื้นฐานทฤษฎี Vroom's expectancy งานวิจัยนี้เก็บข้อมูลจาก นักเรียนการบริบาลในโรงเรียนปิยะมินทร์คุณารักษ์ จำนวน 156 คน โดยใช้ แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการวิจัยและใช้สถิติเชิงพรรณนาในการวิเคราะห์ข้อมูล ผลการศึกษาพบว่า 1. ส่วนใหญ่ของนักเรียนการบริบาลเป็นเพศหญิง อายุเฉลี่ย 19.05 ปี และเกือบทั้งหมดจบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย 2. การเห็นคุณค่าในตนเอง (Self-Esteem) อยู่ในระดับสูง (µ= 2.97จาก 4.00) 3. แรงจูงใจที่จะเรียน (Motivation to Learn) อันประกอบด้วย 4 ด้าน คือ ก) ด้านการรับรู้ความสามารถในตนเอง (Self-Efficacy) อยู่ในระดับสูง (µ= 2.99 จาก 4.00) ข) ด้านสาเหตุก่อนเข้ามาเรียน (Valence) อยู่ในระดับสูง (µ= 3.29 จาก 4.00) ค) ด้านความคาดหวัง (Expectancy) อยู่ในระดับสูง (µ= 3.32 จาก 4.00) ง) ด้านผลที่ได้รับเมื่อสำเร็จ การศึกษา (Instrumentality) อยู่ในระดับสูง (µ= 3.33 จาก 4.00) แม้ว่าปัจจัยการศึกษาทั้งหมดจะอยู่ในระดับสูง ทางโรงเรียนและตัวนักเรียนการบริบาลก็ ควรมีกิจกรรมที่ส่งเสริมมุ่งเน้นการเห็นคุณค่าในตนเองและแรงจูงใจที่จะเรียนให้ดำรงไว้ หรือเพิ่ม ปัจจัยเหล่านั้นให้ดียิ่งขึ้น เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจที่ดีในการเรียน ทำให้นำไปสู่การทำงานอย่างมี ประสิทธิภาพมากขึ้น Self-Esteem and motivation to learn both are crucial factors for individual to cope with any challenges and successfully move towards his destiny. This research aims to study both selfesteem and motivation to learn based on the Vroom's expectancy theory perceived by 156 health care students at Piyaminkunarak School. Questionnaires were used to collect data. Descriptive statistics were used to analysed data. Finding were 1. The majority of the students was female, 19.05 years of age,graduated from high school. 2. The students' self-esteem was high (µ=2.97 from 4.00) 3. Motivation to learn concerning a) self-efficacy was high (µ=2.99 from 4.00), b) valence was high (µ=3.29 from 4.00), c) expectancy was high (µ=3.32 from 4.00), and d) instrumentality was high (µ=3.33 from 4.00). Even though all studied factors were high, both the school and students themselves should be provided activities activities that could maintain or could enhance those factors for better morale and more effectiveness.

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. สำนักหอสมุด

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: tdckulib@ku.ac.th

Name: ชัยฤทธิ์ โพธิสุวรรณ

Role: อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์หลัก

Name: จุฬารัตน์ วัฒนะ

Role: อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม

Created: 2559

Modified: 2566-05-10

Issued: 2566-05-10

วิทยานิพนธ์/Thesis

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

URL: https://kasetsart.idm.oclc.org/login?url=https://www.lib.ku.ac.th/KUthesis/2559/watcharakorn-niy-all.pdf

CallNumber: BF697.5.S46 .ว112

tha

DegreeName: ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: การศึกษานอกระบบเพื่อพัฒนาสังคม

Grantor: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

©copyrights มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	watcharakorn-niy-all.pdf	2.79 MB	10	2025-09-03 15:32:23

ใช้เวลา

0.019974 วินาที