Title
ลักษณะเด่นในกลอนลำมหาชาติ ฉบับ ส.ธรรมภักดีและฉบับอินตา กวีวงศ์
Title Alternative
The Dominant Feature as Appeared in Lam Mahachat Written by Sor.Thamphakdees Version and Inta Kaweewongs Version
Description
Abstract:
วรรณกรรมท้องถิ่นอีสานเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมทางภาษาที่สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ ซึ่งวรรณกรรมอีสานมีหลายลักษณะ โดย
Punnotok (1981: 33) แบ่งลักษณะของวรรณกรรมอีสานไว้ว่าแบ่งตามลายลักษณ์อักษรเป็นวรรณกรรมร้อยแก้วและร้อยกรองแบ่งตามลักษณะเนื้อเรื่องได้แก่วรรณกรรมพุทธศาสนา วรรณกรรมประวัติศาสตร์ วรรณกรรมคำสอน วรรณกรรมนิทาน และวรรณกรรมเบ็ดเตล็ดวรรณกรรมพุทธศาสนาเป็นหนึ่งในประเภทของวรรณกรรมอีสานซึ่งแบ่งตามลักษณะเนื้อเรื่องโดยอาศัยเนื้อหาสาระหรือหลักธรรมของศาสนาเพื่อใช้ในการอบรมสั่งสอนให้ผู้อ่านเข้าใจเกิดความศรัทธาในพระพุทธศาสนาทั้งนี้จึงเป็นเหตุให้ปรากฏวรรณกรรมพุทธศาสนาขึ้นดังที่ Punnotok (1981: 136) กล่าวไว้ว่าด้วยความศรัทธาเชื่อมั่นในพระพุทธศาสนาทำให้เกิดวรรณกรรมพุทธศาสนาหลายเรื่อง เช่นตำนานพระพุทธศาสนา ตำนานปูชนียสถาน โดยเฉพาะชาดกมีการนำเรื่องราวจากชาดกไปแต่งเป็นร้อยกรองจารึกลงในใบลานซึ่งเรียก ว่าหนังสือผูก การฟังชาดกนี้ชาวอีสานถือเป็นประเพณีสำคัญในปีหนึ่ง ๆ จะต้องทำบุญเพื่อฟังเทศน์มหาชาติ หรือที่เรียก ว่าบุญพระเวสหนึ่งครั้งซึ่งทำกันในราวเดือน3 4 โดยมีความเชื่อว่าหากฟังครบ13 กัณฑ์ให้จบในวันเดียวจะได้กุศลแรงกล้าแม้ปรารถนาจะพบพระศรีอาริย์ในอนาคตก็ได้ถ้าปี ใดไม่ทำบุญมหาชาติภายในวัดของตนก็จะเกิดความเดือดร้อนอย่างใดอย่างหนึ่งมีเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นต้น
เหตุนั้นประเพณีการทำบุญมหาชาติประจำภาคอีสานจึงนิยมทำกันทุกๆปีจนถึงทุ กวันนี้เมื่อทำแล้วก็ต่างดีใจเสมือนคุ้มป้องกันภัยพิบัติได้ ด้วยเหตุนี้จึง เกิดมหาชาติ สำนวนอีสานหลายสำนวนหลายฉบับ แต่ละวัด แต่ละจังหวัดต่างก็ใช้ฉบับของวัดตนเองหรือคัดลอกกันมา การคัดลอกนี้อาจจะมีการเพิ่มเติมเสริมแต่งบ้างหรือย่อให้สั้นบ้างหรือแต่งสำนวนใหม่บ้าง ซึ่งต้นฉบับเดิมนั้นน่าจะคัดลอกมาจากราชธานีของอาณาจักรลานช้างโบราณและ คนไทยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็ยึดถือใช้กันต่อมาในงานวิจัยส่วนใหญ่พบว่าผู้ศึกษามหาชาติอีสานจะศึกษาวิเคราะห์เกี่ยวกับการใช้ภาษา วรรณศิลป์ และวัฒนธรรมและอีกลักษณะหนึ่งคือศึกษาเปรียบเทียบมหาชาติอีสานกับส านวนภาคกลางหรือเปรียบเทียบกับฉบับที่เป็นภาษาอื่นเช่นภาษาเขมร ภาษาลาวเพื่อเปรียบเทียบต้นฉบับต่างๆในการหาความถูกต้องของต้นฉบับเดิม ผู้วิจัยจึงได้พิจารณาคัดเลือกมหาชาติสำนวนอีสาน จำนวน 2 ฉบับ คือ ลำมหาชาติ (เทศน์เวสสันดรชาดกภาคอีสาน) ฉบับใบลาน ของ ส.ธรรมภักดี และลำมหาชาติ ฉบับหนังสือของอินตา กวีวงศ์ ที่มีความต่างสมัยแต่มีความคล้ายคลึงในการใช้ภาษาแต่ละบริบทเมื่อพิจารณาจากความเป็นมาของเอกสารทั้งสองฉบับนี้พบว่าเป็นเอกสารที่ผ่านการปริวรรตอักษรธรรมจากใบลาน เป็นอักษรไทย โดยอาศัยการศึกษาคำศัพท์จากวรรณกรรมโบราณวรรณกรรมท้องถิ่นรวมทั้งภาษาท้องถิ่นที่ยังปรากฏใช้อยู่เพื่อให้สามารถรู้ความหมายของศัพท์โบราณได้ถูกต้อง ซึ่งเอกสารฉบับแรก คือ ลำมหาชาติ ฉบับใบลาน ของ ส.ธรรมภักดี โดยPunnotok (1981: 140) อธิบายถึงประวัติความเป็นมาของลำมหาชาติฉบับนี้ไว้ว่า เป็นเรื่องวรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาอยู่ในทศชาติ หรือเรียก กันว่าพระเจ้าสิบชาติต้นฉบับเดิมเขียนเป็นภาษาบาลีแบบคำประพันธ์ที่เรียกว่า คาถารวมเบ็ดเสร็จมี 1,000 คาถา ส่วนลำมหาชาติฉบับของอินตากวีวงศ์ (Kaweewong, 2005: Preface) ผู้แต่งได้อธิบายความเป็นมาของลำมหาชาติไว้ว่าเป็นของนักปราชญ์ชาวอีสานแต่งไว้ตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ เดิมเป็นอักษรขอม อักษรลาว อักษรธรรม คำอีสานล้วน ๆ สำนวนสำเนียงเป็นเสียงของไทยอีสาน เขาใช้เหล็กจานลงใส่ใบลานคนอีสานโบราณอ่านได้คนสมัยใหม่อ่านไม่ออกจึงนำมาพิมพ์เป็นตัวหนังสือไทยใส่ใบลานใช้เทศน์ในงานบุญผะเหวด เทศน์มหาชาติประจำปี ถือเป็นประเพณีสืบมาจนตลอดทุกวันนี้และ ยังจะสืบต่อไปอีกนานเท่านานเมื่อเปรียบเทียบลักษณะการใช้ภาษาของลำมหาชาติทั้งสองฉบับเป็นเบื้องต้นพบว่าฉบับของส.ธรรมภักดีเขียนคำอ่านในรูปของภาษาบาลีตามแบบคำประพันธ์ที่เรียก ว่าคาถาส่วนฉบับของอินตากวีวงศ์นั้นมีการนำเสนอด้วยการเขียนสะกดคำตามอักขรวิธีไทยเพื่อให้สะดวกในการอ่านดังตัวอย่างต่อไปนี้ ผุสฺสตีวรวัณณาเภติ (Thamphakdee, 1961: 3) ผุสสะดีวะระวัณณาเภติ(Kaweewong, 2005: 35) จากความเป็นมาของวรรณกรรมมหาชาติอีสานและ ข้อสังเกตต่างๆของลักษณะการใช้ภาษาทั้งสองฉบับข้างต้นสะท้อนให้เห็นว่าฉบับ ส.ธรรมภักดีและฉบับอินตา กวีวงศ์ มีความเหมือนกันในตัวบทเนื่องจากมีแหล่งที่มาเหมือนกันคือ เวสสันดรชาดก จากมหานิบาตชาดก ในเบื้องต้นจะสังเกตเห็นได้ว่าลักษณะเด่นของฉบับส.ธรรมภักดีคือเป็นสำนวนเก่าแปลมาจากต้นฉบับเดิมที่เขียนเป็นภาษาบาลีพิมพ์ ลงใบลานเมื่อ ปี พ.ศ.2504 ซึ่งเปรียบเสมือนฉบับกลางที่ได้รับความนิยมในการนำไปเทศน์ในภาคอีสาน ในขณะที่ฉบับอินตา กวีวงศ์ มีลักษณะเด่นที่มีสำนวนภาษาใหม่และ รายละเอียดที่ใกล้เคียง กับยุคสมัยปัจจุบัน ทั้งนี้อาจเป็นเพราะมีการพิมพ์ในรูปแบบหนังสือเมื่อปี พ.ศ. 2548 ท ำให้มีความแตกต่างกันที่ช่วงเวลาในการเขียน อีกทั้งผู้แต่งยังเป็นนักประพันธ์ วรรณกรรมอีสาน และเป็นศิลปินแห่งชาติด้านวรรณศิลป์ด้วย ด้วยเหตุนี้ ผู้วิจัยจึงมีความสนใจเพื่อศึกษาลักษณะเด่นในกลอนลำมหาชาติ ฉบับ ส.ธรรมภักดีและฉบับอินตา กวีวงศ์ อันจะเป็นประโยชน์แก่วงวิชาการต่อไป
Abstract:
Through analytical study of the dominant featureas appeared in Lam Mahachat of Sor.Thamphakdees version and Inta Kaweewongs version, the objectives of this study were 1) to study the dominant feature as appeared in Lam Mahachat written by Sor.Thamphakdees version and Inta Kaweewongs version, and 2) to compare the dominant featureas appeared in both of Lam Mahachat. Data in this study were collected from Klon Lam texts of Lam Mahachat totally 18 chapters of each Lam Mahachat. It was found that Klon Lam texts of Lam Mahachat in both versions have the dominant feature in various aspects namel: 1) Regarding writing materials, a version of Sor. Thamphakdee was written in palm leave, but Inta Kaweewongs version is published as a book.2) The content of Klon Lam texts of both Mahachat is derived from the same source; The Vessantara Jataka fromMahanibat Jataka, meanwhile Inta Kaweewongs version added more details from another editionand writing style was similar to the modern times.3) Regarding the language use, many words in the form of Pali as the original were written in Sor.Thamphakdees version according to the verses form called Gatha, and th e old language was used as well. But writing and spelling words according to standard Thai characters in order to be easy to read and with modern style of writing were employed in IntaKaweewongs version because it was composed after Sor.Thamphakdees version and it created its uniqueness in order to make a different thing from Sor.Thamphakdees version.
Publisher
มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์. ศูนย์วิทยบริการ.
Identifier
BibliograpyCitation :
มนุษยสังคมสาร (มสส.) คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ปีที่ 18 ฉบับที่ 2 (2563): พฤษภาคม - สิงหาคม หน้าที่ 25-42
Rights
©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์