การก่อตัวของนโยบายป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบด้านการบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภายใต้คำสั่ง คสช. มาตรา 44

Policy formation of anti-corruption on personnel administration of local administrative organizations Under the Command of National Council for peace and order of section 44

Name: วิสานท์ แสวงหา

keyword: การทุจริตและประพฤติมิชอบทางการเมือง

ThaSH: การทุจริตและประพฤติมิชอบ -- นโยบายของรัฐ -- ไทย

Classification :.DDC: 364.1323

Abstract: การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพการณ์และสาเหตุในการใช้คําสั่ง ภายใต้ คสช. มาตรา 44 เพื่อป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบด้านการบริหารงานบุคคลขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น 2) ศึกษาบุคคลที่มีบทบาทและมีส่วนเกี่ยวข้องในการเสนอนโยบายว่าด้วยการป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบด้านการบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภายใต้คําสั่ง คสช. มาตรา 44 และ 3) ศึกษาผลกระทบของการใช้นโยบายว่าด้วยการป้องกันการทุจริต ประพฤติมิชอบด้านการบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภายใต้คําสั่งคสช. มาตรา 44 การศึกษานี้ ดําเนินการวิจัยโดยการวิจัยเชิงคุณภาพ ที่เก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก ผู้ให้ข้อมูล สําคัญจํานวน 24 คน ประกอบด้วย ตัวแทนสํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตัวแทนหน่วยงานส่วนกลาง และตัวแทนจากผู้บริหารท้องถิ่น และได้จัดการวิพากษ์ ผลการสัมภาษณ์ โดยผู้เชี่ยวชาญจํานวน 10 คน ประกอบด้วย ตัวแทนหน่วยงานองค์กรอิสระ ข้าราชการบริหารส่วนกลาง และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งเลือกมาแบบเจาะจง และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เชิงเนื้อหาผลการศึกษาพบว่าวิเคราะห์เชิงเนื้อหา1) สภาพการณ์และสาเหตุในการใช้คําสั่งภายใต้ คสช.มาตรา 44 เกิดจากการทุจริตในการ บริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น เนื่องด้วยผู้บริหารท้องถิ่น มีอํานาจเต็มที่ในการออกคําสั่งเกี่ยวกับการบรรจุ แต่งตั้ง การย้าย การโอนการรับโอน การเลื่อนระดับ การ เลื่อนขึ้นเงินเดือน การสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และ การร้องทุกข์ต่าง ๆ เป็นช่องว่างก่อให้เกิดการทุจริตของผู้มีอํานาจโดยใช้ระบบอุปถัมภ์ในการสอบแข่งขัน การเลื่อนตําแหน่ง การโอน และการโยกย้าย รวมถึงมีการเรียกรับผลประโยชน์จากผู้บริหารท้องถิ่น ส่งผลให้ เกิดความเสียหายต่อระบบการบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างร้ายแรง ซึ่งถึงแม้จะมีองค์กรหรือหน่วยงานอื่นมาตรวจสอบเกี่ยวกับการทุจริต ก็ไม่สามารถควบคุมตรวจสอบการใช้อํานาจ ของผู้บริหารท้องถิ่นได้อย่างเต็มที่ได้ในสภาพการณ์ปกติได้ ส่งผลให้รัฐบาลในขณะนั้นจําเป็นต้องออกคําสั่ง ภายใต้ คสช.มาตรา 44 ที่ 8/2560 โดยสาระของนโยบายดังกล่าวนั้นมีการกําหนดให้คณะกรรมการกลางข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542เข้ามาทําหน้าที่เกี่ยวกับการสอบแข่งขันการสอบคัดเลือก การคัดเลือก และการโอนข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น แทนจากเดิมที่เป็นอํานาจของผู้บริหารท้องถิ่นโดยตรง2) บุคคลที่มีบทบาทและมีส่วนเกี่ยวข้องในการเสนอนโยบาย พบว่า ผู้ที่มีเกี่ยวข้องทําให้เกิด นโยบายนี้แบ่งเป็น 4 กลุ่มหลัก ๆ คือ กลุ่มแรก คือ ประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ทําการร้องเรียน เรื่องการทุจริตไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กลุ่มที่สอง คือ สื่อมวลชนมีการสืบค้นหาข้อเท็จจริง และนําเสนอข่าวเกี่ยวกับการทุจริตทางสื่อต่าง ๆ ซึ่งทั้งสองกลุ่มดังกล่าวได้มีบทบาทสําคัญในการ เรียกร้องหรือผลักดันให้รัฐบาลสนใจปัญหาสาธารณะและริเริ่มในการก่อตัวของนโยบาย กลุ่มที่สาม คือ สํานักงาน ป.ป.ท. และ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นหน่วยงานมีหน้าที่ตรวจสอบและปราบปรามการทุจริต โดยตรง และกลุ่มที่ 4 คือ กระทรวงยุติธรรมหรือมีหน้าที่ในการพิจารณาคดี ได้เป็นผู้รวบรวมข้อมูล และปัญหาต่าง ๆ เพื่อเสนอเป็นทางเลือกในการกําหนดเป็นนโยบายให้แก่ทีมที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และคณะทํางานของ คสช. ซึ่งมีคณะอนุกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริต เป็นผู้ผลักดันให้เกิด นโยบายป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบด้านการบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อไป3) ผลกระทบที่เกิดขึ้นของการใช้นโยบายป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ต้านการบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภายใต้คําสั่ง คสช. มาตรา 44 นั้น เกิดผล กระทบที่สําคัญมี 2 ประการ คือ 1) ผลกระทบเชิงบวก คือ สามารถแก้ปัญหาการทุจริตได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ผู้มีส่วนได้เสียที่ต้องการความช่วยเหลือได้รับความพึงพอใจ เป็นหลักประกันว่าได้บุคลากรที่มีความสามารถเหมาะสมกับตําแหน่ง มีการบริหารงานบุคคลเป็นไปตามหลักคุณธรรมทําให้สังคมและประชาชนยอมรับถึงความโปร่งใสในการสรรหาบุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากขึ้น 2) ผลกระทบเชิงลบ คือ การดําเนินการอย่างเร่งด่วนทําให้ขาดความรอบคอบในการเสาะ แสวงหาข้อมูลเชิงลึกอาจจะเกิดความผิดพลาดในการหาตัวผู้กระทําความผิด ทําให้เกิดการเสียขวัญและเสียกําลังใจในการปฏิบัติงานจนเกิดผลกระทบในวงกว้างต่อการปฏิบัติราชการของเจ้าหน้าที่ที่ไม่ได้รับ ความเป็นธรรมได้ ทําให้เกิดการขาดแคลนบุคลากรบางตําแหน่งงานบางช่วงเวลา เนื่องจากความล่าช้า ในการสอบแข่งขัน และอาจทําให้กลไกการปฏิบัติงานตามปกติในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่นด้านการบริหารบุคคลมีความหย่อนประสิทธิภาพในโอกาสต่อ ๆ ไปเนื่องจากไม่ได้ปฏิบัติงานในระบบการปฏิบัติงานตามปกติเป็นเวลานาน

มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ

Address: ปทุมธานี

Email: arit@vru.ac.th

Name: สุพจน์ ทรายแก้ว.

Role: ประธานที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์.

Created: 2565

Modified: 2565-05-06

Issued: 2565-05-06

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

BibliograpyCitation : 8613563

CallNumber: วพ 364.1323 ว779ก 2564

tha

DegreeName: รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต

Level: ปริญญาเอก

Descipline: สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์

Grantor: มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ฯ

©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ฯ

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	Grad-Di-Visan Sawangha-2564-8613563.pdf	6.22 MB	23	2025-11-28 20:15:08

ใช้เวลา

0.03297 วินาที