Title 
    ความสัมพันธ์ระหว่างทุนทางจิตวิทยาเชิงบวก การรับรู้การสนับสนุนจากองค์การและความตั้งใจในการลาออกโดยมีความพึงพอใจในงานเป็นตัวแปรสื่อในพยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลศูนย์คัดสรรแห่งหนึ่งในภาคตะวันออก
 
    Title Alternative 
    The relationships between positive psychological capital, perceived organizational support and turnover intention, with consideration of job satisfaction as a mediator in professional nurses in a selection center of hospital in Eastern Thailand
 			  
			  
    Description 
    Abstract: 
     การศึกษาเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างทุนทางจิตวิทยาเชิงบวก การรับรู้การสนับสนุนจากองค์การและความตั้งใจในการลาออกโดยมีความพึงพอใจในงานเป็นตัวแปรสื่อในพยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลศูนย์คัดสรรแห่งหนึ่งในภาคตะวันออก เป็นการศึกษาเชิงสำรวจ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ระดับของ ทุนทางจิตวิทยาเชิงบวก การรับรู้การสนับสนุนจากองค์การ ความพึงพอใจในงาน และความตั้งใจในการลาออกของพยาบาล 2) ความสัมพันธ์ระหว่างทุนทางจิตวิทยาเชิงบวก การรับรู้การสนับสนุนจากองค์การ ความพึงพอใจในงาน และความตั้งใจในการลาออกของพยาบาล 3) อิทธิพลของทุนทางจิตวิทยาเชิงบวก การรับรู้การสนับสนุนจากองค์การ ที่มีต่อความตั้งใจในการลาออกของพยาบาลโดยมีความพึงพอใจในงานเป็นตัวแปรสื่อ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ พยาบาลวิชาชีพในโรงพยาบาลศูนย์คัดสรรแห่งหนึ่งในภาคตะวันออก จำนวน 580 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม แบ่งออกเป็น 5 ส่วน คือ 1) ข้อมูลลักษณะส่วนบุคคล 2) ทุนทางจิตวิทยาเชิงบวก 3) การรับรู้การสนับสนุนจากองค์การ 4) ความพึงพอใจในงาน 5) ความตั้งใจในการลาออก สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ประกอบด้วย ความถี่ ร้อยละ มัชฌิมเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สหสัมพันธ์เพียร์สัน และการวิเคราะห์เส้นทางส่งผล ผลการศึกษาสรุปได้ดังนี้ 1.พยาบาลวิชาชีพมีระดับทุนทางจิตวิทยาเชิงบวกโดยรวมอยู่ในระดับสูง โดยมีระดับการรับรู้ความสามารถของตนเองอยู่ในระดับปานกลาง ด้านความหวัง การมองโลกในแง่ดี และความหยุ่นตัวอยู่ในระดับสูง 2.พยาบาลวิชาชีพมีระดับการรับรู้การสนับสนุนจากองค์การโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง โดยมีระดับการรับรู้การสนับสนุนจากองค์การด้านผลตอบแทนและสวัสดิการ ด้านความรู้ในงานและโอกาสก้าวหน้า ด้านจิตอารมณ์ในงาน และด้านการปฏิบัติงานอยู่ในระดับปานกลาง ส่วนด้านความมั่นคงในงานอยู่ในระดับสูง 3.พยาบาลวิชาชีพมีระดับความพึงพอใจในงานอยู่ในระดับปานกลาง 4.พยาบาลวิชาชีพมีระดับความตั้งใจในการลาออกอยู่ในระดับปานกลาง 5.ทุนทางจิตวิทยาเชิงบวกทุกด้านมีความสัมพันธ์กับความตั้งใจในการลาออกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r= -.337, p<.01) โดยการรับรู้ความสามารถของตนเอง ความหวัง การมองโลกในแง่ดี และความหยุ่นตัว มีความสัมพันธ์ทางลบกับความตั้งใจในการลาออกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ เท่ากับ -.228, -.314, -.356 และ -.180 ตามลำดับ ทั้งหมดมีค่า p<.01 6.การรับรู้การสนับสนุนจากองค์การทุกด้านมีความสัมพันธ์กับความตั้งใจในการลาออกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r= -.538, p<.01) ด้านผลตอบแทนและสวัสดิการ ด้านความรู้ในงานและโอกาสก้าวหน้า ด้านความมั่นคงในงาน ด้านจิตอารมณ์ในงาน และด้านการปฏิบัติงานมีความสัมพันธ์ทางลบกับความตั้งใจในการลาออกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ เท่ากับ -.409, -.311, -.365, -.479 และ -.428 ตามลำดับ ทั้งหมดมีค่า p<.01 7.ทุนทางจิตวิทยาเชิงบวกโดยรวมมีความสัมพันธ์กับความพึงพอใจในงาน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r= .394, p<.01) โดยทุนทางจิตวิทยาเชิงบวกด้านการรับรู้ความสามารถของตนเอง ความหวัง การมองโลกในแง่ดี ความหยุ่นตัว มีความสัมพันธ์ทางบวกกับความพึงพอใจในงานอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ เท่ากับ .245, .361, .448, และ .212 ตามลำดับ ทั้งหมดมีค่า p<.01 8.การรับรู้การสนับสนุนจากองค์การโดยรวมมีความสัมพันธ์ทางบวกกับความพึงพอใจในงาน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r=.746, p<.01) โดยด้านผลตอบแทนและสวัสดิการ ด้านความรู้ในงานและโอกาสก้าวหน้า ด้านความมั่นคงในงาน ด้านจิตอารมณ์ในงาน และด้านการปฏิบัติงานมีความสัมพันธ์ทางบวกกับความพึงพอใจในงานอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ เท่ากับ .631, .552, .280, .679 และ .654 ตามลำดับ ทั้งหมดมีค่า p<.01 9.ความพึงพอใจในงานมีความสัมพันธ์ทางลบกับความตั้งใจในการลาออก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r= -.546, p<.01) 10.การรับรู้การสนับสนุนจากองค์การมีอิทธิพลต่อความตั้งใจในการลาออกทั้งโดยตรงและผ่านความพึงพอใจในงาน ทุนทางจิตวิทยาเชิงบวกมีอิทธิพลต่อความตั้งใจในการลาออกโดยตรง ผลการวิจัยครั้งนี้ ทำให้ทราบถึงตัวแปรที่เป็นสาเหตุของความตั้งใจในการลาออก และตัวแปรสื่อจากสาเหตุไปสู่ความตั้งใจในการลาออก ซึ่งองค์การสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการควบคุมปัจจัยที่เป็นสาเหตุในการลาออกได้       
    
 
            		
    Publisher 
    
 
            		
    Rights