การพัฒนารูปแบบการทำนาข้าวเกษตรอินทรีย์ กรณีศึกษา กลุ่มชาวนาบ้านโพนโก ตำบลโพนโก อำเภอสนม จังหวัดสุรินทร์

Development of organic rice farming pattern case study farmers in Phon Ko sub district, Sanom district, Surin province

Name: สุรัตน์ สุขมั่น

Address: 28 หมู่ 2 ตำบลโพนโก อำเภอสนม จังหวัดสุรินทร์ 32160

keyword: การทำนา

Classification :.DDC: 633.18

; เกษตรอินทรีย์

Abstract: การวิจัย เรื่องการพัฒนารูปแบบการทำนาข้าวเกษตรอินทรีย์ กรณีศึกษา กลุ่มชาวนาบ้านโพนโก ต.โพนโก อ.สนม จ.สุรินทร์ มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1. เพื่อศึกษาแนวทางการทำนาข้าวแบบเกษตรอินทรีย์ โดยใช้บ่ซีเมนต์ 2. เพื่อพัฒนารูปแบบการทำนาข้าวแบบเกษตรอินทรีย์โดยใช้ถังซีเมนต์ ผลการวิจัยการพัฒนารูปแบบการทำนาข้าวแบบเกษตรอินทรีย์โดยใช้ถังซีเมนต์พบว่า พันธ์ข้าว พันธ์ข้าวที่ผู้วิจัยได้ทำการเลือกนำมาใช้ในการวิจัย คือพันธ์ข้าวหอมมะลิ 105 เมล็ดพันธ์ในส่วนเรื่องการเตรียมเมล็ดพันธ์เนื่องจากว่าในการวิจัยครั้งนี้ใช้พื้นที่ไม่มาก ผู้วิจัยใช้เมล็ดพันธ์เพียงครึ่งกิโลกรัม การเตรียมดิน ในการเตรียมดินนั้น ผู้วิจัยได้ใช้ดินในพื้นที่การทำวิจัยซึ่งมีลักษณะเป็นดินร่วนปนทราย ผสมกับแกลบดำ ผสมกับปุ๋ยคอกที่เป็นขี้วัวขี้ควายของเกษตรที่ร่วมดำเนินการวิจัยในครั้งนี้ โดยใช้อัตราส่วนในการผสมดังนี้ ดิน แกลบดำ ปุ๋ยคอก ในอัตราส่วน 10:3:1 การปลูก ในการดำเนินการปลูกนั้นผู้วิจัยได้ใช้วิธีการนำเมล็ดพันธ์ที่ผ่านการคัดกรองแล้ว นำไปเพาะเป็นต้นกล้า ประมาณ 20 วัน ต้นกล้ามีความสูงประมาณ 25 cm จากนั้นเกษตรกรได้ดำเนินการถอนต้นกล้าเพื่อไปปักดำในบ่ซีเมนต์การกำจัดวัชพืชเนื่องจากว่าในการปลูกข้าวด้วยวิธีปลูกในบ่อซีเมนต์นี้ สามารถควบคุมระดับน้ำได้สามารถขังน้ำทำให้วัชพืชไม่สามารถขึ้นได้จึงเป็นผลดีมาก เนื่องจากไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องวัชพืช การใส่ปุ๋ย เนื่องจากตอนเตรียมดินบรรจุลงในบ่อซีเมนต์นั้นผู้วิจัยได้ผสมปุ๋ยคอกที่เป็นขี้ควาย ขี้วัว ผสมลงไปในดินด้วย ดังนั้นการใส่ปุ๋ยในครั้งต่อไปผู้วิจัยจะสังเกตจากการเจริญเติบโตของกล้าถ้าต้นกล้าเจริญเติบโตไม่ดีผู้วิจัยก็จะใส่ปุ๋ยเฉพาะบ่อที่ต้นกล้าเจริญเติบโตไม่ดี การจัดการน้ำ การจัดการะบายน้ำในการปลูกข้าวในบ่อซีเมนต์นั้นง่ายต่อการจัดการระบบน้ำมาก เพราะสามารถควบคุมปริมาณน้ำได้ง่าย เพราะน้ำที่อยู่ในบ่ไม่รั่วไหลออกจากภายนอกได้ การป้องกันโรค แมลง และสัตว์ศัตรูข้าว ในการทดลองการปลูกข้าวในบ่อซีเมนต์ที่ผู้วิจัยดำเนินการนั้น ยังไม่พบโรคที่เกิดกับข้าวที่ปลูกคงอาจจะเป็นเพราะว่ามีปริมาณในการปลูกน้อย จึงไม่มีปัญหาเรื่องโรคที่เกิดกับข้าวที่ปลูก ส่วนเรื่องแมลงก็มีน้อยมากจะมี ก็แค่แมลงเต่าทอง และแมลงตามธรรมชาติเพียงเล็กน้อยจึงถือได้ว่าไม่ใช่ปัญหาหรืออุปสรรคในการดำเนินการแต่อย่างใด แต่ที่มีปัญหามากคือ จะมีนกที่คอยจิกกินเมล็ดข้าว ตอนที่ข้าวแตกรวงทำให้เกิดความเสียหาย การเก็บเกี่ยว ในการดำเนินการปลูกข้าวในบ่อซีเมนต์นั้นเนื่องจากว่าผู้วิจัยได้ดำเนินการมาถึงขึ้นตอนการปักดำ และต้องรอระยะเวลาอีกประมาณ 90 วัน ถึงจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ผู้วิจัยใช้วิธีการเก็บเกี่ยวด้วยมือและทำการตรวจสอบรวงข้าว รวงที่ใหญ่ที่สุดมีจำนวนเมล็ดข้าว 224 เมล็ด ส่วนรวงที่เล็กที่สุดมีจำนวน 43 เมล็ด น้ำหนักข้าวในหนึ่งบ่อได้ประมาณ 2 กิโลกรัม

Abstract: The objectives of this research entitled “Development of organic rice farming pattern - Case Study : Farmers in Phon Ko Sub district, Sanom District, Surin Province” were 1) to explore organic farming method by using cement pool, and 2) to explore organic farming method by using cement bucket. Rice seeds that the researcher had used were 105 seeds of jasmine rice. Due to limited area available for the study, the researcher used only half kilograms of seeds in the seed preparation process. Regarding the tillage process, the researcher decided to conduct research on the area that covered with sandy soil that mixed with black husk and manure from cow and buffalo dung from farmers who participated in the research. The mixture ratio was as following : soil, black husk, and fertilizer in the proportion of 10: 3: 1. Regarding the planting process, the research planted the rice seedling form the screened-seed for 20 days until the rice seedling had the height of 25 cm. After that, the farmers uprooted the rice seedling and transplanted them in the cement pool. Since the rice was planting in the cement pool, the farmers were able to manage water. Therefore, weeds could not intervene. For the fertilizer, the researcher had put manure from buffalo and cow dung into the soil during the tillage process. Thus, the researcher would observe the growth of rice seedlings before adding the fertilizer. The researcher would only add the manure to the cement pool with slow growth rice seedling. The water management system of rice farming in a cement pool was more manageable. Lt was easier for the farmers to monitor the amount of water as the pool could not leak outside. In addition, the researcher had not found any diseases occurred. The reason might be the limited number of rice planting during the experiment. Regarding insects, only a small number of insects were found. Most of them were ladybugs and other natural insects. Therefore, it was not a problem or challenge in the process. The only concern was birds that came to eat the rice grains. Regarding the rice harvest, since the rice was just planted in the cement pool, the researcher needed to wait for 90 more days until the rice could be harvested. The rice would be harvested by hand. The researcher inspected the rice ear and found that the largest rice ear had 224 rice seeds in total while the smallest rice ear consisted of 43 seeds. The weight of rice is equivalent ot 2 kilograms.

มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ

Address: สุรินทร์

Email: arit@srru.ac.th

Name: งบประมาณแผ่นดิน (วช.) ประจำปีงบประมาณ 2559 มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์

Role: ผู้ให้ทุน

Created: 2559

Modified: 2564-07-09

Issued: 2564-07-09

งานวิจัย/Research report

application/pdf

CallNumber: 633.18 ส247ก

tha

©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	SRRUResearch2564-54.pdf	19.47 MB	19	2025-01-28 00:20:08

ใช้เวลา

0.040725 วินาที