การพัฒนารูปแบบการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
Development of internal quality assurance model of schools under the office of private education commission
Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันและปัญหาการดำเนินการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน 2) พัฒนารูปแบบการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน 3) ตรวจสอบรูปแบบการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เป็นการวิจัยแบบผสานวิธีระหว่างวิจัยเชิงคุณภาพและวิจัยเชิงปริมาณ มีวิธีการดำเนินการวิจัย 4 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาความรู้แนวคิด ทฤษฎีและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบศึกษาเอกสารมีค่าดัชนีความสอดคล้อง อยู่ระหว่าง 0.80-1.00 ขั้นตอนที่ 2 การพัฒนารูปแบบ โดยศึกษาภาคสนาม ผู้ให้ข้อมูล คือ ผู้บริหารสถานศึกษาจำนวน 3 คน โดยเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง มีค่าดัชนีความสอดคล้อง อยู่ระหว่าง 0.80-1.00 ขั้นตอนที่ 3 การตรวจสอบรูปแบบ แบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอน คือ 3.1) การตรวจสอบรูปแบบเชิงคุณภาพด้วยการสนทนากลุ่ม โดยผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 9 คน โดยเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสัมภาษณ์ มีค่าดัชนีความสอดคล้อง อยู่ระหว่าง 0.80-1.00และแบบสอบถาม มีค่าดัชนีความสอดคล้องอยู่ระหว่าง 0.80-1.00 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.95 3.2) การตรวจสอบรูปแบบเชิงปริมาณ โดยผู้บริหารสถานศึกษาจำนวน 302 คน โดยการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถาม มีค่าดัชนีความสอดคล้อง อยู่ระหว่าง 0.80-1.00 และ มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.92 ขั้นตอนที่ 4 การปรับปรุงและนำเสนอรูปแบบที่สมบูรณ์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1. สภาพปัจจุบันและปัญหาการดำเนินการประกันคุณภาพภายใน 1.1) สภาพปัจจุบันพบว่า สถานศึกษาดำเนินการประกันคุณภาพตามหลักการประกันคุณภาพ การดำเนินการประกันคุณภาพได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย มีวิธีการดำเนินการประกันคุณภาพโดยการศึกษาการทำงานมีการเตรียมการตั้งคณะทำงานประกันคุณภาพ มีการกำหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาให้สอดคล้องกับมาตรฐานของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานมีการจัดทำแผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษา มีการจัดระบบบริหารสารสนเทศ มีการดำเนินงานตามแผนมี การติดตามตรวจสอบพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพมีการสรุปผลการตรวจสอบและจัดทำสารสนเทศเพื่อเตรียมการรับการประเมินจากภายนอก 1.2) สภาพปัญหาการประกันคุณภาพของสถานศึกษาพบว่า ทัศนคติของบุคลากรเห็นว่าเป็นการเพิ่มภาระงานขึ้น ตัวชี้วัดและเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพการศึกษาเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา 2. การพัฒนารูปแบบการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนได้รูปแบบมีองค์ประกอบ 4 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ส่วนนำประกอบด้วย หลักการประกันคุณภาพมี 8 ข้อ วัตถุประสงค์การประกันคุณภาพมี 5 ข้อ และบริบทของสถานศึกษามี 4 ข้อ ส่วนที่ 2 ระบบการประกันคุณภาพมี 3 มิติ ประกอบด้วย วิธีการดำเนินการประกันคุณภาพมี 9 ขั้นตอน มาตรฐานการประกันคุณภาพมี 17 มาตรฐาน และอำนาจหน้าที่ของสถานศึกษามี 6 งาน ส่วนที่ 3 การนำรูปแบบไปใช้มี 4 ขั้นตอน ประกอบด้วย การเตรียมการ การดำเนินการ การติดตามและประเมินผล และการรายงานผลการประเมิน ส่วนที่ 4 เงื่อนไข ประกอบด้วย เงื่อนไขความสำเร็จมี 4 ข้อ และเงื่อนไขที่เป็นอุปสรรคมี 2 ข้อ 3. การตรวจสอบรูปแบบการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนมี 2 ขั้นตอน (1) การตรวจสอบรูปแบบเชิงคุณภาพได้รูปแบบมีองค์ประกอบ 4 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ส่วนนำ ประกอบด้วย หลักการประกันคุณภาพมี 6 ข้อวัตถุประสงค์การประกันคุณภาพมี 5 ข้อ และบริบทของสถานศึกษามี 3 ข้อ ส่วนที่ 2 ระบบการประกันคุณภาพมี 3 มิติ ประกอบด้วย วิธีการดำเนินการประกันคุณภาพมี 9 ขั้นตอน ประกอบด้วย การวิเคราะห์บริบท การกำหนดมาตรฐาน การสร้างทีมประกันคุณภาพ การจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพ การวางระบบประกันคุณภาพ การดำเนินงานตามแผน การติดตามและประเมินผล การพัฒนาอย่างต่อเนื่องและการรายงานต้นสังกัด มาตรฐานการประกันคุณภาพมี 17 มาตรฐาน อำนาจหน้าที่ของสถานศึกษามี 6 งาน ส่วนที่ 3 การนำรูปแบบไปใช้มี 4 ขั้นตอน ประกอบด้วย การเตรียมการ การดำเนินการ การติดตามและประเมินผล และการรายงานผลการประเมิน ส่วนที่ 4 เงื่อนไข ประกอบด้วย เงื่อนไขความสำเร็จมี 7 ข้อเงื่อนไขที่เป็นอุปสรรคมี 3 ข้อ โดยผู้ทรงคุณวุฒิได้ประเมินรูปแบบ พบว่า มีความเหมาะสมร้อยละ 88.89 มีความเป็นประโยชน์ ร้อยละ 86.42 มีความเป็นไปได้ร้อยละ 85.19 มีความถูกต้องร้อยละ 86.42 (2) การตรวจสอบเชิงปริมาณ พบว่า รูปแบบการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.52, S.D. = 0.05) และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า รูปแบบความเป็นประโยชน์อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.66, S.D. = 0.25) ความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ( = 4.48, S.D. = 0.15) ความถูกต้องอยู่ในระดับมาก ( = 4.47, S.D. = 0.15) และความเป็นไปได้อยู่ในระดับมาก ( = 4.45, S.D. = 0.18)
มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
Role:
ประธานที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์.
CallNumber:
วพ 372.1 ท364ก 2558
©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ฯ