การศึกษาประสิทธิภาพของผู้ตรวจสอบด้วยสายตาโดยการใช้กลยุทธ์การฝึกอบรม ผ่านโปรแกรมจำลองชิ้นงาน 3 มิติ

A Study ofInspector's Performance Using Training Strategies Through 3D Simulation Model

Name: อนุชา วัฒนาภา

keyword: การตรวจสอบด้วยสายตา

Abstract: การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาศึกษาผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพของผู้ตรวจสอบจากการ ฝึกอบรมโดยใช้กลยุทธการฝึกอบรมได้มีการจำแนกผลจากการศึกษาออกเป็น 2 ประเด็นที่สำคัญ โดย การศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิภาพของผู้ตรวจสอบในการฝึกอบรมในประเด็นที่สองเป็น การเพื่อศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์จากการปรับปรุงประสิทธิภาพของผู้ตรวจสอบในการฝึก อบรม โดยใช้กลยุทธการฝึก อบรมแบบการให้ข้อมูลป้อนกลับ และแบบการป้อนข้อมูลก่อนอย่างเป็นขั้น ตอนต่อการตรวจหาจุดบกพร่องที่มีลักษณะซับซ้อนจากการใช้โปรแกมสำเร็จรูปการค้นหาด้วย สายตาในสถานการณ์ที่มีการจำลองชิ้นงานในรูปแบบ 3 มิติเพื่อทำให้การต้นหาตัวอักษรที่กำหนดให้ เป็นตัวแทนจุดบกพร่องได้แก่ X และ V ซึ่งปะปนอยู่ในตัวอักษรที่ถูกกำหนดให้เป็นพื้นหลังซึ่งมี หลายแบบและคละขนาดจากการศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อศักยภาพและประสิทธิภาพของผู้ตรวจ สอบในการฝึกอบรมได้แบ่งผลการศึกษาออกเป็น การศึกษาอิทธิพลของสีพื้นหลังที่ใช้ในการค้นหา ในงานวิจัยได้มีการใช้สีพื้นหลังเป็นสีขาว สีเหลือง สีแดง และสีน้ำเงินพบว่าสีพื้นหลังสีขาวนี้ส่ง ผลทำให้ผู้ตรวจสอบด้วยสายตามีประสิทธิภาพในการค้นหา จุดบกพร่องได้สูงสุดมีนัยสำคัญทาง สถิติที่ ระดับนัยสำคัญ .05 ส่วนผลการศึกษาวิจัยเพี่อหารูปแบบวิธีการตรวจสอบค้นหาจุดบกพร่อง ด้วยสายตาในรูปแบบงาน 3 มิติ วิธีการหมุนชิ้นงานเพื่อการค้นหา และวิธีการค้นหาจุดบกพร่อง พบว่าวิธีการหมุนส่งผลต่อเวลาในการค้นหา ผลศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ของผู้ตรวจสอบใน การฝึกอบรมโดยใช้กลยุทธการฝึกอบรมแบบการป้อนกลับและแบบการป้อนข้อมูลก่อนอย่างเป็น ขั้นตอนต่อตรวจหาจุดบกพร่องลักษณะ ซับซ้อนพบว่าเวลาเฉลี่ยในการค้นหามีความแตกต่างกัน และหากพิจารณาเปรียบเทียบเฉพาะในส่วนของวิธีการฝึกอบรมนั้นพบว่าส่งผลต่อเวลาเฉลี่ยที่ใช้ ในการค้นหาและพบว่าเปอร์เซ็นต์การค้นหาจุดบกพร่องได้อย่างถูกต้องมีค่าที่แตกต่างกันอย่างมีนัย สำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และหากพิจารณาเปรียบ เทียบเฉพาะในส่วนของวิธีการฝึกอบรมนั้นพบ ว่าค่าเฉลี่ยเปอร์เซ็นต์ในการค้นหาจุดบกพร่องได้อย่างถูกต้องนั้นมีเวลาเฉลี่ยในการค้นหาที่แตกต่าง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และพบว่าการฝึกอบรมแบบป้อนกลับแบบมีแรงจูงใจนั้นส่ง ผลให้ผู้ตรวจสอบด้วยสายตาใช้เวลาเฉลี่ยในการค้นหาจุดบกพร่องงต่อหน้าจอน้อยที่สุดเนื่องจากมี แรงจูงใจเข้ามาเป็นส่วนดึงดูดการทดลอง จึงทำให้ใช้เวลาในการค้นหารจุดบกพร่องได้น้อยหรือ กล่าวได้ว่าแรงจูงใจมีผลต่อประสิทธิภาพในการค้นหาจุดบกพร่อง เวลาเฉลี่ยที่ใช้ในการค้นหาจุด บกพร่องที่แตกต่างกัน ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และมีค่าเฉลี่ยเปอร์เซ้นในการค้นหา จุดบกพร่องได้อย่างถูกต้องที่แตกต่างกัน ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

Abstract: This study aimed to investigate inspector's performance using training strategies. The results could be concluded under two significant topics, which are the factors influencing the inspector's performance and the comparison of the inspector's performance on detecting defects based on feedback and feedforward training strategies. The trainings were conducted with complex inspection using visual inspection program in 3D simulation. The defects, defined as X and V, were mixed amongst alphabets in the backgrounds set in various forms and sizes. The background colors were white, yellow, red and blue. The results revealed that the white background resulted in the highest performance of inspectors at a significant level of .05. The horizontal search combined with the systematic rotation was the most effective method because this covered all area and conformed to the search pattern theory stating that the systematic search which has the eye moving from left to right or top to bottom provides the most accurate and fast inspection. According to the study, the training provided to inspectors helped increase their performance, i.e higher detection accuracy and faster speed. Thus, information given during the either feedback or feedforward training is the means to increase visual inspector's performance, Feedforward training was the most effective method for visual inspection training in 3D work based on average search time and search accuracy and was significantly different at the significant level of .05 and .01, respectively. The last experiment aimed to improve an inspector's performance on the training through 3D model using motivation technique. The subjects were divided into 3 groups; a control group, a feedback training group, and a feedback training with motivation group. The subjects participated in the last group would get money as a reward when thay detected and certain amount of money was deducted for each defect they missed as a punishment during the test with 3D model software. According to the experiment, the inspector's performance of reward group in terms of speed and accuracy in detecting defects in training increased at the significance level of .01 and .05, respectively.

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี. สำนักหอสมุด

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: info.lib@mail.kmutt.ac.th

Name: สิทธิชัย แก้วเกื้อกูล

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Created: 2554

Modified: 2555-01-03

Issued: 2555-01-03

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: FIDT7

tha

DegreeName: ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต

Level: ปริญญาเอก

Descipline: ครุศาสตร์เทคโนโลยี

Grantor: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

©copyrights มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	FIDT7.pdf	2.04 MB	113	2025-08-13 16:36:28
2	FIDT7ab.pdf	24.28 KB	56	2019-09-20 02:11:18

ใช้เวลา

0.030933 วินาที