Utilization of Bagasse Ash as a Pozzolanic Material III Concrete

การใช้ประโยชน์จากเถ้าชานอ้อยเพื่อเป็นวัสดุปอซโซลานในงานคอนกรีต

Name: Nuntachai Chusilp

Name: นันทชัย ชูศิลป์

keyword: เถ้าชานอ้อย

Abstract: This research aimed to utilize the bagasse ash as a supplementary cementitious material in concrete. Bagasse ash is a by-product from power plants or stream boilers of sugar mill industries. Due to high content of silicon dioxide and most of its in amorphous state, bagasse ash can be used as a pozzolanic material. In general, bagasse ashes which obtained from several sources in Thailand have high content of LOI due to the variation in burning and catching system. To improve theirs quality, bagasse ashes from different sources were ground by ball mill until the particles retained on a sieve No. 325 were less than 5% by weight. Portland cement type I was replaced by ground bagasse ash at 10, 20, and 30% by weight of binder to cast mortar. In this study, compressive strength, i strength activity index, and sulfate resistance of mortar containing bagasse ash with different La] were investigated. In addition, concrete containing ground bagasse ash was also cast. Water-binder (W/B) ratio of 0.5 of concrete was used and the binder contents of concrete were varied as 350, 450, and 550 kg/m3.Properties of ground bagasse ash concrete such as compressive strength, modulus of elasticity, heat evolution, and water permeability were also investigated. The results showed that the original bagasse ash is not suitable for use in concrete. However, high fineness of ground bagasse ash is found be very active pozzolanic material. The different values of LOI of ground bagasse ash (up to 20%) paid small effect on the compressive strength at later age but it affected on accelerating the deterioration of mortar immersed in 5% of sulfate solution. The replacement rate of Portland cement type I by ground bagasse ash played a greater effect on the compressive strength of the mortar than the existing of LOI values (5 20%) of ground bagasse ash. To obtain a lower water permeability and higher compressive strength than the control concrete, the replacement of ground bagasse ash should be 20% by weight of binder. A higher replacement (30%) resulted in concrete with a lower water penneability and a lower compressive strength. The maximum temperature rises of concretes containing 10-30% ground bagasse ash were lower than the control concrete. As the increasing of replacement of ground bagasse ash, the corresponding temperature rise in concrete became smaller. In summary, ground bagasse ash is a suitable pozzolanic material for use to improve concrete properties.

Abstract: งานวิจัยนี้เป็นการนำเถ้าชานอ้อยซึ่งเป็นวัสดุเหลือทิ้งจากการเผาชานอ้อยเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าและ ผลิตไอน้ำสำหรับใช้ภายในโรงงานอุตสาหกรรมน้ำตาลมาใช้ในงานคอนกรีต เนื่องจากเถ้าชานอ้อยมี ส่วนประกอบหลักคือ ซิลิกอนไดออกไซด์ ในปริมาณสูง ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เป็นผลึก จึงสามารถนำมาใช้ เป็นวัสดุปอซโซลานในงานคอนกรีตได้ โดยทั่วไปเถ้าชานอ้อยจากหลายแหล่งในประเทศไทยมีค่า การสูญเสียน้ำหนักเนื่องจากการเผา (LOI) แตกต่างกันมาก เนื่องจากระบบการเผาชานอ้อยและการกัก เถ้าที่ต่างกัน งานวิจัยนี้ได้นำเถ้าชานอ้อยที่ผ่านการบดละเอียดจนมีอนุภาคค้างบนตะแกรงมาตรฐาน เบอร์ 325 ไม่เกินร้อยละ 5 โดยน้ำหนัก แทนที่ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภทที่ 1 ในอัตราส่วนร้อย ละ 10 , 20 และ 30 โดยน้ำหนักวัสดุประสานเพื่อหล่อมอร์ต้าร์ จากนั้นทำการศึกษาคุณสมบัติในการ รับกำลังอัด, ดัชนีกำลัง และความต้านทานซัลเฟตของมอร์ต้าร์ที่ผสมเถ้าชานอ้อยที่มี LOI แตกต่างกัน นอกจากนี้ได้นำเถ้าชานอ้อยที่ผ่านการบดละเอียดมาแทนที่ปูนซีเมนต์ในส่วนผสมคอนกรีตโดยมี อัตราส่วนน้ำต่อวัสดุประสานคงที่เท่ากับ 0.5 และใช้ปริมาณวัสดุประสาน 3 ค่าคือ 350, 450 และ 550 กก/ม? เพื่อทดสอบคุณสมบัติของคอนกรีตในการรับกำลังอัด, โมดูลัสความยืดหยุ่น, การพัฒนาความ ร้อน, และความสามารถในการต้านทานการซึมของน้ำผ่านคอนกรีต ผลที่ได้แสดงให้เห็นว่า เถ้าชานอ้อยที่ได้จากโรงงานโดยตรงไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ในงานคอนกรีต อย่างไรก็ตาม การบดเถ้าชานอ้อยให้มีความละเอียดสูงสามารถใช้เป็นวัสดุปอซโซลานได้ดี ความ แตกต่างของค่า LOI ของเถ้าชานอ้อย (สูงถึงร้อยละ 20) มีผลเล็กน้อยต่อกำลังรับแรงอัดที่อายุปลายแต่ มีผลกระทบต่อการเสื่อมสภาพของมอร์ต้าร์ที่แช่ในสารละลายซัลเฟตความเข้มข้นร้อยละ 5 ปริมาณ การแทนที่ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ชนิดที่ 1 ด้วยเถ้าชานอ้อยบดละเอียดมีผลต่อกำลังรับแรงอัดของ มอร์ต้าร์มากกว่าค่า LOI ร้อยละ 5-20 การใช้เถ้าชานอ้อยบดละเอียดในอัตราร้อยละ 20 โดยน้ำหนัก ของวัสดุประสานเป็นค่าที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ค่าการซึมน้ำผ่านตอนกรีตที่ต่ำ และค่ากำลังรับแรงอัด ที่สูงกว่าคอนกรีตควบคุม การแทนที่ปูนซีเมนต์ด้วยเถ้าชานอ้อยบดละเอียดในปริมาณที่สูงขึ้นถึงร้อย ละ 30 ทำให้คอนกรีตมีค่าการซึมของน้ำผ่านคอนกรีตต่ำลงและค่ากำลังรับแรงอัดที่ต่ำลง อุณหภูมิที่ เกิดขึ้นสูงสุดของคอนกรีตที่แทนที่ปูนซีเมนต์ด้วยเถ้าชานอ้อยบดละเอียดในอัตราร้อยละ 10-30 มีค่า ต่ำกว่า คอนกรีตควบคุม การแทนที่ปูนซีเมนต์ด้วยเถ้าชานอ้อยบดละเอียดในอัตราที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ อุณหภูมิที่เกิดขึ้นในคอนกรีตมีค่าลดน้อยลง กล่าวโดยสรุปคือ เถ้าชานอ้อยบดละเอียดมีความ เหมาะสมที่จะใช้เป็นวัสดุปอซโซลานสำหรับพัฒนาคุณสมบัติของคอนกรีตให้ดีขึ้น

King Mongkut's University of Technology Thonburi. KMUTT Library

Address: BANGKOK

Email: info.lib@mail.kmutt.ac.th

Name: Chai Jaturapitakkul

Role: Advisor

Created: 2009

Modified: 2554-12-20

Issued: 2011-12-04

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: CVE2858

eng

DegreeName: Doctor of Philosophy

Level: Doctoral Degree

Descipline: Civil Engineering

Grantor: King Mongkut's University of Technology Thonburi

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	CVE2858.pdf	3.15 MB	192	2025-12-19 23:01:59
2	CVE2858ab.pdf	57.09 KB	65	2025-01-26 19:22:47

ใช้เวลา

0.036859 วินาที