การศึกษาวิธีที่เหมาะสมในการตรวจสอบ หมู่เบนซิดีนในสีที่มีหมู่อะโซต้องห้าม สำหรับผลิตภัณฑ์สิ่งทอ

The Study of the Appropriate Method to Determine Benzidine Group in the Prolubited Azo Dyes in Textile Products

Name: อากร เธียรวิวัฒน์

Organization : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี. คณะวิทยาศาสตร์. สาขาวิชาเคมีอุตสาหกรรม

Name: Arkom Tienviwat

Organization : King Mongkut's University of Technology Thonburi. Faculty of Science. Industrial Chemistry

keyword: สารเบนซิดีน

; สีย้อมอะโซ

; การรีดักชันสีย้อม

; การวิเคราะห์สารก่อมะเร็ง

; Benzidine

; Azo dyestuff

; Reduction ofdyestuff

; Analysis of cancer agent

Abstract: การศึกษาหาวิธีที่เหมาะสมในการตรวจสอบสารเบนซิดีนในสีที่มีหมู่อะโซต้องห้าม ที่ใช้กับ ผลิตภัณฑ์สิ่งทอ แบ่งการศึกษาเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกเป็นการศึกษาประสิทธิภาพในการรีดิวส์สีย้อม ที่มีหมู่อะโซต้องห้ามให้เกิดเป็นสารเบนซิดีนโดยใช้สารเคมีสองชนิด คือ สารละลายโซเดียมไดไธโอไนด์ (Na2S2O4) เข้มข้น 150 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตรและสารละลายไทเทเนียมคลอไรด์ (TiCl3) เข้มข้น 15 เปอร์เซนต์โดยน้ำหนักต่อปริมาตร ทำการตรวจสอบประสิทธิภาพในการรีดิวส์ ด้วยเทคนิค HPLC (High Performance Liquid Chromatography) โดยใช้เครื่องตรวจวัด ทั้งแบบอัลตราไวโอเลต (UV) และแบบฟลูออเรสเซนซ์ (Fl) ณ สภาวะที่เหมาะสม คือ ใช้คอลัมน์ C-18 sample loop ขนาด 100 ไมโครลิตร และเฟสเคลื่อนที่ที่ประกอบด้วยอะซีโตไนไตรด์ผสมกับ สารละลายโซเดียมอะซีเตท เข้มข้น 0.10 โมลาร์ ในอัตราส่วน 60 ต่อ 40 โดยปริมาตร จากการ เปรียบเทียบพื้นที่ใต้พีคของสารเบนซิดีน พบว่า สารละลายโซเดียมไดไธโอไนท์จะมีประสิทธิภาพ ในการรีดิวส์สีย้อมที่มีหมู่อะโซต้องห้ามให้เกิดเป็นสารเบนซิดีนได้มากกว่าสารละลายไทเทเนียมคลอไรด์ ส่วนที่สองเป็นการศึกษาประสิทธิภาพของเทคนิค HPLC ในการตรวจสอบสารเบนซิดีน ที่เกิดจากกระบวนการรีดิวส์ ณ สภาวะที่เหมาะสม โดยใช้เครื่องตรวจวัด 2 ชนิด เปรียบเทียบกัน จากการทดลองพบว่า ในการตรวจวัดสารเบนซิดีนที่เกิดจากการรีดิวส์สีย้อมที่มีหมู่อะโซต้องห้าม ด้วยเครื่องตรวจวัดแบบยูวี ณ ความยาวคลื่น 280 นาโนเมตร จะมีความถูกต้องในรูปของ เปอร์เซนต์การได้กลับคืนเฉลี่ย เท่ากับ 96.02 ความเที่ยงในรูปค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานสัมพัทธ์ (RSD) เท่ากับ 1.70 และความเข้มข้นต่ำสุดที่ตรวจวัดได้ เท่ากับ 0.10 ส่วนในล้านส่วน ส่วนการตรวจวัดด้วย เครื่องตรวจวัดแบบฟลูออเรสเซนซ์ ณ ความยาวคลื่นของการกระตุ้น (λex) 356 นาโนเมตรและ ความยาวคลื่นฟลูออเรสเซนซ์ (λem) 400 นาโนเมตร จะมีเปอร์เซนต์การได้กลับคืนเฉลี่ย เท่ากับ 98.11 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานสัมพัทธ์ เท่ากับ 0.92 และความเข้มข้นต่ำสุดที่ตรวจวัดได้ เท่ากับ 0.005 ส่วนในล้านส่วน ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าเครื่องตรวจวัดแบบฟลูออเรสเซนซ์จะให้ประสิทธิภาพ ในการตรวจวัดสารเบนซิดีนดีกว่าเครื่องตรวจวัดแบบยูวี ที่สภาวะการทดลองเดียวกัน ส่วนที่สาม เป็นการศึกษาหมู่อนุพันธ์ของสารเบนซิดีนในสีย้อมที่มีหมู่อะโซต้องห้ามที่ผ่านการรีดิวส์ ด้วยเทคนิค FTIR พบว่า อินฟราเรด สเปกตรัมของสารมาตรฐานเบนซิดีน สารเบนซิดีนที่ได้จากการ รีดิวส์สีย้อมที่มีหมู่อะโซต้องห้ามด้วยสารละลายโซเดียมไดไธโอไนท์และสารละลายไทเทเนียมคลอไรด์ มีลักษณะสเปกตรัมเหมือนกัน

Abstract: The purpose of this research is to study the appropriate method to determine benzidine group which is the carcinogenic substance containing in the prohibited azo dyestuffS in textile garment. The experiment consisted of 3 parts. First, study the reducing capabilities of sodium dithionite (Na2Sp4) 150 mg/cm3 and titanium chloride (TiCI3) 15 % w/v to reduce the prohibited azo dyestuffs to get free benzidine group. Then. the optimum conditions to determine benzidine group by HPLC technique with ultraviolet and fluorescence detectors were studied at optimum conditions which could be concluded as follows; the solution of acetonitrile and sodium acetate (0.10 M) of60: 40 by the volume ratio was the best mobile phase when using 100 III sample loop and the C-18 HPLC column. The reducing capability of sodium dithionite was better than titanium chloride in reducing the dyestuffs since the peak area of benzidine obtained was higher. Second, study the efficiency of the analysis of benzidine group from reduction step by HPLC technique at optimum conditions, the accuracy in term of percentage recovery and precision in term of relative standard deviation for benzidine determination by UV detector at 280 om were 96.02% and 1.70, respectively with detection limit of 0.10 ppm. In addition, by using the fluorescence detector at the excitation and emission wavelength of 356 DID and 400 DID., respectively, gave the percentage recovery of 98.11% and the RSD of 0.92 with the detection limit of 0.005 ppm. Therefore, the HP1.C technique with the fluorescence detector is the appropriate method to detennine the benzidine group because of its higher accuracy, precision and lower detection limit Third, study the functional group of benzidine from the reduction step by FTIR technique, the infrared spectrum of the standard benzidine and benzidine from the reduced prohibited Azo dyestuff by sodium dithionite and titanium chloride were alike.

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: info.lib@mail.kmutt.ac.th

Name: นราพร หาญวจนวงศ์

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Name: นิตยา เกตุแก้ว

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Name: Narapom Hanvajanawong

Role: Advisor

Name: Nitaya Ketkaew

Role: Advisor

Created: 2540

Modified: 2554-12-05

Issued: 2551-11-13

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

ISBN: 9746240633

CallNumber: CHM261

tha

DegreeName: วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: เคมีอุตสาหกรรม

Grantor: King Mongkut's University of Technology Thonburi

©copyrights มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	CHM261.pdf	1.5 MB	46	2025-06-18 08:48:11
2	CHM261ab.pdf	45 KB	18	2018-05-10 20:00:59
3	CHM261abth.txt	6.98 KB	21	2018-05-10 20:00:59
4	CHM261aben.txt	2.28 KB	18	2018-05-10 20:01:00

ใช้เวลา

0.027226 วินาที