ปัจจัยที่ส่งผลต่อการนำนโยบายการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดไปปฏิบัติในพื้นที่ จังหวัดปทุมธานี
 
    
     Factors affecting narcotic prevention and suppression policy implementation in the Pathum Thani Province Area 
 			  
			  
    
    Abstract:
     การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาผลการนำนโยบายการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดไปปฏิบัติในพื้นที่ จังหวัดปทุมธานี 2) ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการนำนโยบายการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดไปปฏิบัติในพื้นที่ จังหวัดปทุมธานี และ 3) เสนอแนวทางในการปรับปรุงผลการนำนโยบายการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดไปปฏิบัติในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ให้ดียิ่งขึ้น การวิจัยนี้ ประกอบด้วย การวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการวิจัย เชิงปริมาณ ดำเนินการศึกษากลุ่มตัวอย่าง จำนวน 400 คน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวน 196 คน และประชาชนที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ได้แก่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชน จำนวน 204 คน ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ด้วยการสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ และการสุ่มอย่างง่ายตามสัดส่วนของประชากรและกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยคำนวณตามสูตรของทาโร ยามาเน่ เครื่องมือในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าสถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ การวิเคราะห์ถดถอยแบบขั้นตอน สำหรับการวิจัยเชิงคุณภาพใช้วิธีการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 15 คน ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้บริหารระดับผู้กำกับการหัวหน้าสถานีตำรวจ นายกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี และจัดการสนทนากลุ่มซึ่งมีผู้เข้าร่วมสนทนา จำนวน 24 คน ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้บริหารระดับผู้กำกับการหัวหน้าสถานีตำรวจ นายกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชน โดยการเลือกแบบเจาะจงและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา ประกอบด้วย การตีความ การแปลความ และการวิเคราะห์ ผลการวิจัย พบว่า 1) ผลการนำนโยบายการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดไปปฏิบัติในพื้นที่ จังหวัดปทุมธานีของเจ้าหน้าที่ตำรวจและของประชาชนที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.19, S.D. = 0.37) เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านผลประโยชน์สาธารณะอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.33, S.D. = 0.40) รองลงมา ได้แก่ ด้านสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค และความเป็นธรรม ( = 4.20, S.D. = 0.43) และด้านคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน ( = 4.05, S.D. = 0.47) ตามลำดับ โดยด้านผลประโยชน์สาธารณะอยู่ในระดับมากที่สุด เนื่องจากมีการร่วมกันพัฒนาและให้ความรู้ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด และด้านคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนอยู่ในระดับน้อยที่สุด เนื่องจากมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของครอบครัวและชุมชน 2) ปัจจัยที่ส่งผลต่อการนำนโยบายการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดไปปฏิบัติในพื้นที่ จังหวัดปทุมธานี พบว่า มี 3 ปัจจัย เรียงลำดับค่าสัมประสิทธิ์ถดถอยจากมากไปหาน้อย คือ (1) ปัจจัยความร่วมมือของผู้นำนโยบายไปปฏิบัติ (β = 0.475) (2) ปัจจัยการบริหารจัดการ (β = 0.165) และ (3) ปัจจัยกระบวนการนำนโยบายไปปฏิบัติ (β = 0.122) ซึ่งทั้ง 3 ปัจจัย สามารถอธิบายความผันแปรของผลต่อการนำนโยบายการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดไปปฏิบัติในพื้นที่ จังหวัดปทุมธานี ได้ร้อยละ 69.00 (R2 = 0.690) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ พบว่า (1) ยาเสพติดที่จับกุมได้ส่วนใหญ่จะเป็นข้อหาการครอบครอง และเป็นยาเสพติดประเภทยาบ้า เนื่องจากจังหวัดปทุมธานี มีเส้นทางสัญจรสะดวกในการเดินทางไปยังจังหวัดต่าง ๆ (2) การบริหารจัดการที่มุ่งให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐพร้อมกับการร่วมมือจากประชาชน เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการนำนโยบายป้องกันและปราบปรามยาเสพติดไปปฏิบัติในพื้นที่ จังหวัดปทุมธานี 3) แนวทางในการปรับปรุงผลการนำนโยบายการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดไปปฏิบัติในพื้นที่ จังหวัดปทุมธานี ประกอบด้วย (1) การบังคับใช้กฎหมายโดยยึดหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัด ในการปราบปรามลงโทษผู้ผลิต ผู้ค้า ผู้มีอิทธิพล ผู้ประพฤติมิชอบ และมาตรการตรวจสอบ เพื่อยึดหรืออายัดทรัพย์สินของผู้เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดทั้งระบบ ตลอดจนลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งทางตรงและทางอ้อมทั้งทางวินัยและทางอาญา (2) การบริหารจัดการแบบบูรณาการ ที่ระดมสรรพกำลังทั้งจังหวัดเข้าแก้ไขปัญหายาเสพติดให้มีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านโครงสร้าง กลไก การบริหารงบประมาณ การพัฒนากำลังคน การสร้างขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติ รวมทั้งมอบหมายให้บุคคลรับผิดชอบ และ (3) ส่งเสริมการใช้กระบวนการประชารัฐเป็นตัวขับเคลื่อน ด้วยการมีส่วนร่วมของครอบครัว ชุมชน และสังคม โดยการปรับปรุงทัศนคติให้ทุกฝ่ายได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ยาเสพติดและเห็นว่าการแก้ปัญหายาเสพติดเป็นความรับผิดชอบของทุกคน และต้องทำอย่างต่อเนื่องระยะยาว (4) กวดขัน กวาดล้างอาชญากรรมด้านยาเสพติดอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ ๆ ซึ่งกลุ่มนักค้ายาเสพติดมักอาศัยช่วงเวลาที่เป็นวันหยุดเทศกาลทำการลักลอบขนยาเสพติด (5) การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนได้รับทราบหลายช่องทาง มีการแต่งตั้งตัวแทนจากประชาชนร่วมในการวางแผนทำงาน มีการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง
       
    
 
            		
    
    
     มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ       
    
 
            		
    
    Role:
     ประธานที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์.       
    
 
            		
    
    CallNumber:
     วพ 363.45 ร246ป 2560       
    
 
            
    
    ©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ฯ