ความเชื่อมั่นในความสามารถแห่งตนของแพทย์แผนไทยประยุกต์ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี

The self-efficacy of applied Thai taditional medical practitioners with a bachelor's degree

Name: วัชรินทร์พร พรหมพิทักษ์

ThaSH: แพทย์แผนไทย

ThaSH: ความสามารถ

ThaSH: ความเชื่อมั่นในตนเอง

Abstract: การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาระดับความเชื่อมั่นในความสามารถแห่งตนที่ เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติทางเวชปฏิบัติการแพทย์แผนไทยด้านต่าง ๆ (เวชกรรมแผนไทย เภสัชกรรมแผนไทย หัตถ เวชกรรมแผนไทย และผดุงครรภ์) ของแพทย์แผนไทยประยุกต์ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี และเพื่อศึกษา แหล่งข้อมูลที่ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในความสามารถแห่งตนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติทางเวชปฏิบัติการแพทย์แผน ไทยในแต่ละด้าน โดยเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถามกับแพทย์แผนไทยประยุกต์ที่สำเร็จการศึกษาระดับ ปริญญาตรีที่สำเร็จการศึกษาหลักสูตรการแพทย์แผนไทยประยุกต์ในปีการศึกษา 2552-2555 ของสถาบันการศึกษาทุกแห่ง ที่มีหลักสูตรการแพทย์แผนไทยประยุกต์ และเป็นผู้ที่ได้รับในประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผน ไทยประยุกต์ จากจำนวนทั้งหมด 1,074 คน แต่มีผู้ส่งแบบสอบถามกลับและสมบูรณ์ จำนวน 560 คน ข้อค้นพบ ผลการวิจัยพบว่า ร้อยละ 73.39 ของแพทย์แผนไทยประยุกต์ตัวอย่างส่วนใหญ่ประเมินคะแนนระดับความเชื่อมั่นในความสามารถแห่งตนในการปฏิบัติทางเวชปฏิบัติการแพทย์แผนไทยอยู่ในระดับปานกลาง (126.68-217.15 คะแนน) โดยมีความเชื่อมั่นในการปฏิบัติทางเวชปฏิบัติในด้านหัตถเวชกรรมแผนไทยสูงที่สุด ส่วนความยากใน การปฏิบัติทางเวชปฏิบัติการแพทย์แผนไทยกลุ่มตัวอย่างประเมินความยากของการปฏิบัติทางเวชปฏิบัติด้านเวชกรรมแผนไทยอยู่ในระดับที่สูงกว่าด้านอื่น ๆ สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งข้อมูลของความเชื่อมั่นในความ สามารถแห่งตนในการปฏิบัติทางเวชปฏิบัติการแพทย์แผนไทย พบว่าร้อยละ 91.73 และร้อยละ 93.65 ตาม ลำดับของกลุ่มตัวอย่างเกิดความเชื่อมั่นในความสามารถแห่งตนในการปฏิบัติทางเวชปฏิบัติในแต่ละด้านโดยการ ลงมือทำด้วยตนเองและได้เห็นจากตัวแบบตามลำดับ ส่วนแหล่งข้อมูลที่เกิดจากการใช้คำพูดจูงใจโดยการบอกมีค่อนข้างมากเช่นกัน (ร้อยละ 81.60) ข้อเสนอแนะ ผลการศึกษาครั้งนี้ยืนยันให้เห็นว่าในการจัดการเรียนการสอน หรือการอบรมเพื่อเพิ่มพูนความรู้ ทักษะ และความมั่นใจทางการแพทย์แผนไทยประยุกต์ พึงให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเองโดยเริ่มจากดูแบบ และการพูดให้กำลังใจ อย่างไรก็ตามการปฏิบัติทางเวชปฏิบัติด้านเวชกรรมแผนไทย เช่น การซักประวัติและการตรวร่างกาย รวมถึงการวินิจฉัยโรคและการสั่งการรักษา พึงได้จัดให้มีการ เพิ่มการปฏิบัติให้ผู้เรียนได้มีประสบการณ์ด้วยตนเองมากขึ้น

Abstract: The purposes of this study are to study the levels of self-efficacy as related to practices of Thai traditional medicine (Thai traditional medicine, Thai traditional pharmacy, Thai traditional massage and midwifery) by Applied Thai traditional medical practitioners who have been conferred a bachelors degree in Applied Thai Traditional medicine, and also to investigate the information source of self-efficacy related to the practices of Thai Traditional Medicine. The study was conducted by collecting data from questionnaires done by volunteers who had graduated with a bachelor degree in Applied Thai Traditional Medicine in the academic year 2009-2012 from all educational institutions, which hold bachelor courses in Applied Thai Traditional Medicine, and were certified as applied Thai traditional medical practitioners. The questionnaires had been given out to 1,074 practitioners, but were completed by 560 practitioners. FINDINGS, The result to the study revealed that most applied Thai traditional medical practitioners in this group, which 73.39% of the practitioners, evaluated self-efficacy level in Thai traditional medicine clinical practices as medium (Score=126.68-217.15) with highest self-efficacy in the clinical practice of Thai therapeutic massage. On the contrary, the level of difficulty in the clinical practices of Thai traditional medicine was highest in the clinical practice of Thai traditional medicine compared to the other thee practices. For the information sources of self-efficacy in the clinical practice of Thai traditional medicine, 91.73% and 93.65% of the practitioners in the study group stated that they acquired self-efficacy from performing practices by themselves and from observing the demonstrations (models) respectively. Another information source that of verbal persuasion, was also accessed by many practitioners in the group (81.60%). RECOMMENDATION The findings of this study confirm that academic courses of the any training programs held for improving knowledge, skills and self-efficacy in applied Thai traditional medicine practices should be providing learners chances to study by practicing by themselves, observing demonstrators (models) and providing them some verbal persuasion. However, practicing activities in Thai traditional medicine, such as patient interviews, together with diagnosis and therapeutic practices, should be held more frequently for the learners to gain their own experiences.

มหาวิทยาลัยมหิดล. หอสมุดและคลังความรู้มหาวิทยาลัยมหิดล

Address: นครปฐม

Email: liwww@mahidol.ac.th

Name: วีณา ศิริสุข

Role: ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์

Name: วรรณวิภา ปสันธนาทร

Role: ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์

Name: ศิริวรรณ ไกรสุรพงศ์

Role: ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์

Created: 2558

Modified: 2562-09-20

Issued: 2562-09-20

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

CallNumber: วพ ว386ค 2558

tha

DegreeName: ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: สังคมศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุข

Grantor: มหาวิทยาลัยมหิดล

©copyrights มหาวิทยาลัยมหิดล

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	5437762.pdf	2.03 MB	16	2024-03-06 18:07:45

ใช้เวลา

-0.738656 วินาที