โมเดลการบริหารความปลอดภัยขององค์กรการพยาบาลโรงพยาบาลระดับตติยภูมิในประเทศไทย
The safety management model of nursing organization at the tertiary-level hospitals in Thailand
Abstract:
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงวิเคราะห์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาโมเดลการบริหารความปลอดภัยขององค์กรการพยาบาล โรงพยาบาลระดับตติยภูมิ ในประเทศไทย ผู้วิจัยเลือกใช้วิธีการวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้แนวคิดการบริหารความปลอดภัยของ International Civil Aviation Organization ผู้วิจัยได้สัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ให้ข้อมูล หลักซึ่งเป็นผู้บริหารกลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลระดับตติยภูมิ จำนวน 9 คน ที่มีประสบการณ์ด้านการประกันคุณภาพ การบริหารความปลอดภัย หรือการบริหารความเสี่ยง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็นแบบสัมภาษณ์เชิงลึกแบบกึ่งโครงสร้าง แล้วนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เนื้อหาของข้อมูลรวมทั้งทบทวนวรรณกรรม เพื่อนำมาสร้างเป็นกรอบแนวคิดการวิจัยและสร้างข้อคำถามของแบบ สอบถามหัวข้อ การบริหารความปลอดภัยขององค์กรการพยาบาล แล้วนำไปใช้เก็บข้อมูลจากผู้บริหารกลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลระดับตติยภูมิ ในประเทศไทยจำนวน 20 แห่ง จากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 229 คน ได้ทำการวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์อัลฟาครอนบาคของแบบสอบถามการวิจัยได้ 0.97 ข้อมูลการวิจัยวิเคราะห์ด้วยสถิติเชิงพรรณนา และสถิติเชิงอนุมานด้วยการวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้างด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ข้อค้นพบการวิจัย แสดงว่าโมเดลการบริหารความปลอดภัยขององค์การพยาบาล โรงพยาบาลระดับตติยภูมิ ในประเทศไทยมี 6 ด้าน เรียงลำดับค่าน้ำหนัก ดังนี้ (1) ด้านการประกันความปลอดภัย (2) ด้านการบริหารความเสี่ยงด้านความปลอดภัย (3) ด้านนโยบายและวัตถุประสงค์ด้านความปลอดภัย (4) ด้านการสื่อสารและช่องทางการสื่อสาร (5) ด้านการส่งเสริมความปลอดภัย 20 ตัวบ่งชี้ การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน (Confirmatory Factor Analysis: CFA) พบว่า โมเดลมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ในระดับดีมาก mydamdo (X2 /df =0.96, X2 = 123.41, df = 129, p-value = 0.62, GFI = 0.95, AGFI = 0.92, RMSEA = 0.00) จากข้อค้นพบจากงานวิจัยเสนอแนะว่าผู้บริหารกลุ่มการพยาบาลควรนำโมเดลการบริหารความปลอดภัยขององค์กรการพยาบาลที่ได้จากงานวิจัยไปบูรณาการกับระบบการประกันคุณภาพของโรงพยาบาลที่มีอยู่เดิม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารความปลอดภัย และนำโมเดลการบริหารความปลอดภัยขององค์กรการพยาบาลทั้ง 6 องค์ประกอบไปใช้เป็นหัวข้อในการอบรมและการปฐมนิเทศบุคลากรใหม่ เพื่อให้บุคลากรได้ตระหนักรู้ และเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้นในการบริหารความปลอดภัยและ (6) ด้านการจัดอัตรากำลังและการตระหนักในเรื่องความปลอดภัย แบบสอบถามประกอบด้วย 40 ข้อคำถาม โดยต้องมีการประเมินความเสี่ยง การวิเคราะห์ความเสี่ยง และมาตรการควบคุมความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่เป็นกระบวนการช่วยให้เกิดความปลอดภัยทั้งต่อตัวผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ และ (2) การสื่อสารและช่องทางการสื่อสารงานด้านความปลอดภัย โดยควรจัดให้มีระบบการนิเทศ การกำกับติดตามการทำงานของพยาบาล เพื่อช่วยให้เกิดวัฒนธรรมความปลอดภัย โดยต้องมีการประเมินความเสี่ยง การวิเคราะห์ความเสี่ยง และมาตรการควบคุมความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่เป็นกระบวนการช่วยให้เกิดความปลอดภัยทั้งต่อตัวผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ
มหาวิทยาลัยคริสเตียน. ศูนย์วิทยบริการและหอสมุด
Email:
library@christian.ac.th
BibliograpyCitation :
วารสารมหาวิทยาลัยคริสเตียน. ปีที่ 24, ฉบับที่ 4 (ต.ค.-ธ.ค. 2561), หน้า 516-529
©copyrights มหาวิทยาลัยคริสเตียน