CHARACTERISTICS AND CATALYTIC PROPERTIES OF Pt CATALYSTS SUPPORTED ON Zn AND La-MODIFIED TiO2 IN SELECTIVE HYDROGENATION OF 3-NITROSTYRENE

คุณลักษณะและสมบัติในการเร่งปฏิกิริยาของตัวเร่งปฏิกิริยาแพลทินัมบนไทเทเนียที่ปรับปรุงด้วยซิงค์และแลนทานัมในปฏิกิริยาไฮโดรจิเนชันแบบเลือกเกิดของ 3-ไนโตรสไตรีน

Name: Arnut Saeaung

LCSH: Catalysts

LCSH: Hydrogenation

LCSH: Chemisorption

LCSH: Titanium dioxide

LCSH: Platinum catalysts

Abstract: ศึกษาผลของการปรับปรุงไทเทเนียด้วยซิงค์และแลนทานัมต่อสมบัติในการเร่งปฏิกิริยาของตัวเร่งปฏิกริยาแพลทินัมบนไทเทเนียในปฏิกิริยาไฮโดรจิเนชันแบบเลือกเกิดของสามไนโตรสไตรีน โดยเตรียมไทเทเนียด้วยวิธีโซลโวเทอร์มอลที่อุณหภูมิ 320 องศาเซลเซียส และเติมซิงค์หรือแลนทานัมและนำไปใช้เป็นตัวรองรับในการเตรียมตัวเร่งปฏิกิริยาแพลทินัม รีดิวซ์ตัวเร่งปฏิกิริยาที่อุณหภูมิต่ำ (200 องศาเซลเซียส) และอุณหภูมิสูง (500 องศาเซลเซียส) ก่อนการทดสอบในปฏิกิริยาไฮโดรจิเนชันแบบเลือกเกิดของไนโตรสไตรีนในเครื่องปฏิกรณ์แบบกะ ภายใต้ความดันไฮโดรเจน 2 เมกะปาสคาล และอุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียส วิเคราะห์คุณลักษณะของตัวเร่งปฏิกิริยาด้วยเทคนิค การดูดซับทางกายภาพด้วยแก๊สไนโตรเจน การกระเจิงรังสีเอ็กซ์ รีดักชันของไฮโดรเจนด้วยการโปรแกรมอุณหภูมิ การดูดซับทางเคมีด้วยแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องผ่าน เอ็กซเรย์โฟโตอิเล็กตรอนสเปกโตรสโกปีและอินฟราเรดสเปกโตรสโกปีของการดูดซับด้วยแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ การเติมซิงค์เพื่อปรับปรุงไทเทเนียช่วยเพิ่มค่าการเปลี่ยนไปของสามไนโตรสไตรีนร้อยละ 64 เมื่อเปรียบเทียบกับไทเทเนียที่ไม่ได้ปรับปรุงที่ร้อยละ 44 ที่อุณหภูมิรีดักชันสูงซึ่งสอดคล้องกับผลของเทคนิคการดูดซับทางกายภาพด้วยแก๊สไนโตรเจนและการดูดซับทางเคมีด้วยแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ ตัวเร่งปฏิกริยาบนไทเทเนียที่ปรับปรุงด้วยซิงค์มีพื้นที่ผิวและปริมาณของแหล่งกัมมันต์ที่มากกว่า (การกระจายตัวของโลหะสูงกว่า) นอกจากนี้ตัวเร่งปฏิกริยาบนไทเทเนียที่ปรับปรุงด้วยซิงค์ยังแสดงค่าการเลือกเกิดของไวนิลอะนิลีนที่สูง ตรงข้ามกับตัวเร่งปฏิกริยาบนไทเทเนียที่ปรับปรุงด้วยแลนทานัมที่ให้ค่าร้อยละของไวนิลอะนิลีนที่ต่ำกว่าตัวเร่งปฏิกริยาที่ไม่ถูกปรับปรุงเพราะว่าปริมาณของแหล่งกัมมันต์ที่น้อยกว่าดังแสดงโดยผลของการดูดซับทางเคมีด้วยแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์

Abstract: ศึกษาผลของการปรับปรุงไทเทเนียด้วยซิงค์และแลนทานัมต่อสมบัติในการเร่งปฏิกิริยาของตัวเร่งปฏิกริยาแพลทินัมบนไทเทเนียในปฏิกิริยาไฮโดรจิเนชันแบบเลือกเกิดของสามไนโตรสไตรีน โดยเตรียมไทเทเนียด้วยวิธีโซลโวเทอร์มอลที่อุณหภูมิ 320 องศาเซลเซียส และเติมซิงค์หรือแลนทานัมและนำไปใช้เป็นตัวรองรับในการเตรียมตัวเร่งปฏิกิริยาแพลทินัม รีดิวซ์ตัวเร่งปฏิกิริยาที่อุณหภูมิต่ำ (200 องศาเซลเซียส) และอุณหภูมิสูง (500 องศาเซลเซียส) ก่อนการทดสอบในปฏิกิริยาไฮโดรจิเนชันแบบเลือกเกิดของไนโตรสไตรีนในเครื่องปฏิกรณ์แบบกะ ภายใต้ความดันไฮโดรเจน 2 เมกะปาสคาล และอุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียส วิเคราะห์คุณลักษณะของตัวเร่งปฏิกิริยาด้วยเทคนิค การดูดซับทางกายภาพด้วยแก๊สไนโตรเจน การกระเจิงรังสีเอ็กซ์ รีดักชันของไฮโดรเจนด้วยการโปรแกรมอุณหภูมิ การดูดซับทางเคมีด้วยแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องผ่าน เอ็กซเรย์โฟโตอิเล็กตรอนสเปกโตรสโกปีและอินฟราเรดสเปกโตรสโกปีของการดูดซับด้วยแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ การเติมซิงค์เพื่อปรับปรุงไทเทเนียช่วยเพิ่มค่าการเปลี่ยนไปของสามไนโตรสไตรีนร้อยละ 64 เมื่อเปรียบเทียบกับไทเทเนียที่ไม่ได้ปรับปรุงที่ร้อยละ 44 ที่อุณหภูมิรีดักชันสูงซึ่งสอดคล้องกับผลของเทคนิคการดูดซับทางกายภาพด้วยแก๊สไนโตรเจนและการดูดซับทางเคมีด้วยแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ ตัวเร่งปฏิกริยาบนไทเทเนียที่ปรับปรุงด้วยซิงค์มีพื้นที่ผิวและปริมาณของแหล่งกัมมันต์ที่มากกว่า (การกระจายตัวของโลหะสูงกว่า) นอกจากนี้ตัวเร่งปฏิกริยาบนไทเทเนียที่ปรับปรุงด้วยซิงค์ยังแสดงค่าการเลือกเกิดของไวนิลอะนิลีนที่สูง ตรงข้ามกับตัวเร่งปฏิกริยาบนไทเทเนียที่ปรับปรุงด้วยแลนทานัมที่ให้ค่าร้อยละของไวนิลอะนิลีนที่ต่ำกว่าตัวเร่งปฏิกริยาที่ไม่ถูกปรับปรุงเพราะว่าปริมาณของแหล่งกัมมันต์ที่น้อยกว่าดังแสดงโดยผลของการดูดซับทางเคมีด้วยแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์

Chulalongkorn University. Office of Academic Resources

Address: BANGKOK

Email: cuir@car.chula.ac.th

Name: Joongjai Panpranot

Role: advisor

Created: 2015

Modified: 2019-09-05

Issued: 2019-09-05

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

URL: http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/50972

eng

DegreeName: Master of Engineering

Level: Master's Degree

Descipline: Chemical Engineering

Grantor: Chulalongkorn University

©copyrights Chulalongkorn University

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	5770364021[1].pdf	3.09 MB

ใช้เวลา

0.020435 วินาที