การพัฒนาหลักสูตรครูบัญชีอาสาเพื่อพัฒนาทักษะการถ่ายทอดความรู้ในการจัดทำบัญชีครัวเรือน

The curriculum development for agricultural accounting volunteers to improve knowledge transferring skill in household accounting

Name: วรวุธ ปลื้มจิตร

keyword: ครูบัญชี

ThaSH: การวางแผนหลักสูตร

ThaSH: ครัวเรือน -- การบัญชี -- การศึกษาและการสอน

ThaSH: ครู -- การฝึกอบรมในงาน

Abstract: การวิจัยครั้งนี้วัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันและความต้องการพัฒนาทักษะการถ่ายทอดความรู้ของครูบัญชีอาสา 2) พัฒนาหลักสูตรครูบัญชีอาสาเพื่อพัฒนาทักษะการถ่ายทอดความรู้ในการจัดทำบัญชีครัวเรือน 3) หาประสิทธิภาพหลักสูตรครูบัญชีอาสาเพื่อพัฒนาทักษะการถ่ายทอดความรู้ในการจัดทำบัญชีครัวเรือน และ 4) ติดตามผลและประเมินผลการนำหลักสูตรไปใช้ในการพัฒนาครูบัญชีอาสาเพื่อพัฒนาทักษะการถ่ายทอดความรู้ในการจัดทำบัญชีครัวเรือน กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย แบ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายได้ 4 กลุ่ม คือ 1) การศึกษาสภาพปัจจุบันและความต้องการพัฒนาทักษะการถ่ายทอดความรู้ของครูบัญชีอาสา ได้แก่ ผู้อำนวยการสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ 1-10 จำนวน 10 คน 2) การพัฒนาหลักสูตร ขั้นตอนประเมินหลักสูตร ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญในการสอนและพัฒนาหลักสูตรและผู้บริหารสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ จำนวน 16 คน และขั้นตอนการหาความเชื่อมั่นของเครื่องมือ โดยการทดลองใช้หลักสูตร ได้แก่ ครูบัญชีอาสาที่ขึ้นทะเบียนสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์นครปฐม จำนวน 11 คน 3) การหาประสิทธิภาพโดยนำหลักสูตรไปใช้จริง ได้แก่ ครูบัญชีอาสาที่ขึ้นทะเบียนสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์อ่างทอง จำนวน 31 คน และ 4) การติดตามและประเมินผล ได้แก่ เกษตรกรที่เข้ารับการฝึกอบรมเรื่องการจัดทำบัญชีครัวเรือนโดยมีครูบัญชีอาสาที่ผ่านการฝึกอบรมเป็นวิทยากร ระยะ 1 เดือน จำนวน 29 คน และ ระยะ 3 เดือน จำนวน 25 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถาม หลักสูตรฝึกอบรม แบบฝึกหัด แบบทดสอบ แบบประเมินผลของหลักสูตร แบบทดสอบปฏิบัติการจัดทำบัญชีครัวเรือน แบบประเมินผลการฝึกอบรมการจัดทำบัญชีครัวเรือน และแบบติดตามการนำไปใช้ประโยชน์จากของครูบัญชีอาสาที่เข้าร่วมโครงการฝึกอบรม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าประสิทธิภาพกระบวนการและประสิทธิภาพผลลัพธ์ (E1/E2) ค่าร้อยละค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน Paired-Sample T-Test และ Independent-Sample T-Test ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1. ผลการศึกษาสภาพปัจจุบันและความต้องการพัฒนาทักษะการถ่ายทอดความรู้ของครูบัญชีอาสา พบว่า สภาพปัจจุบันครูบัญชีอาสามีความรู้และทักษะในการถ่ายทอดความรู้การเป็นวิทยากรไม่เพียงพอ สื่อที่ใช้ในการถ่ายทอดความรู้ไม่กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ และครูบัญชีอาสามีจำนวนไม่เพียงพอ สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์มีความต้องการพัฒนาครูบัญชีอาสา โดยต้องการมีหลักสูตรฝึกอบรมการถ่ายทอดความรู้ให้กับครูบัญชีอาสา และต้องการให้ครูบัญชีอาสาสร้างวัสดุฝึกอบรม สื่อการเรียนรู้ และการจัดกิจกรรมถ่ายทอดความรู้ในชุมชนของตนเอง 2. ผลการพัฒนาหลักสูตรครูบัญชีอาสาเพื่อพัฒนาทักษะการถ่ายทอดความรู้ในการจัดทำบัญชีครัวเรือน พบว่า หลักสูตรฝึกอบรมมีเนื้อหา 8 หัวข้อเรื่อง ได้แก่ 1) การวิเคราะห์เนื้อหา 2) การเขียนวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม 3) จิตวิทยาการสอน 4) การสื่อความหมายและการใช้สื่อการสอน 5) กระบวนการเรียนรู้ 6) วิธีการสอนและเทคนิคการสอน 7) การวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ และ 8) การวางแผนการสอน ผู้เชี่ยวชาญประเมินความสอดคล้องระหว่างวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมกับเนื้อหา สื่อการสอน และแบบฝึกหัด มีค่าความสอดคล้องมากกว่าเกณฑ์ที่กำหนด และมีค่าความเชื่อมั่นของเครื่องมือวิจัยจากการนำหลักสูตรไปทดลองใช้ดังนี้ ค่าความเที่ยงของแบบทดสอบ KR-20 เท่ากับ 0.81 และค่าสัมประสิทธิ์อัลฟาของครอนบัค 0.95 มากกว่าเกณฑ์ที่กำหนด และผลการประเมินการฝึกอบรม ภาพรวมอยู่ในระดับมาก 3. ผลการหาประสิทธิภาพของหลักสูตรครูบัญชีอาสาเพื่อพัฒนาทักษะการถ่ายทอดความรู้ในการจัดทำบัญชีครัวเรือนพบว่า คะแนนประสิทธิภาพกระบวนการฝึกอบรม (Efficiency of Process : E1) ร้อยละ 81.49 และคะแนนประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (Efficiency of Product : E2) ร้อยละ 82.47 มากกว่าเกณฑ์ประสิทธิภาพที่กำหนดไว้ คะแนนทดสอบหลังฝึกอบรมของครูบัญชีอาสามีคะแนนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับคะแนนทดสอบก่อนฝึกอบรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และผลการประเมินการฝึกอบรมภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด 4. ผลการติดตามและประเมินผลการนำหลักสูตรไปใช้ในการพัฒนาครูบัญชีอาสาเพื่อพัฒนาทักษะการถ่ายทอดความรู้ในการจัดทำบัญชีครัวเรือน การติดตามการทำหน้าที่เป็นวิทยากรของครูบัญชีอาสาแบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 (หลังผ่านการฝึกอบรม 1 เดือน) และระยะที่ 2 (หลังผ่านการฝึกอบรม 3 เดือน) พบว่า คะแนนการทำแบบทดสอบปฏิบัติการบันทึกบัญชีครัวเรือนของเกษตรกรที่เข้ารับการอบรมการจัดทำบัญชีครัวเรือนกับครูบัญชีอาสาผ่านเกณฑ์ทั้งหมด คะแนนเฉลี่ยการทำแบบทดสอบปฏิบัติการบันทึกบัญชีครัวเรือนของเกษตรกรในระยะที่ 1 และระยะที่ 2 ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 แสดงว่าถึงแม้ระยะเวลาผ่านไป 3 เดือน ครูบัญชีอาสาที่ผ่านการฝึกอบรมทำหน้าที่เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้บัญชีครัวเรือนให้กับเกษตรกร ได้คะแนนทดสอบผ่านเกณฑ์ทั้งสองกลุ่มไม่แตกต่างกัน ผลการประเมินการฝึกอบรมการจัดทำบัญชีครัวเรือนระยะที่ 1 ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และระยะที่ 2 ภาพรวมอยู่ในระดับมาก และครูบัญชีอาสาที่ผ่านการฝึกอบรมตามหลักสูตรที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นได้นำความรู้ไปใช้ในการทำหน้าที่เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้จำนวน 25 คน คิดเป็นร้อยละ 80.65 ของครูบัญชีอาสาที่ผ่านการฝึกอบรมทั้งหมด

Abstract: This research has been conducted with the following objectives; 1) to study current situation and need to improve knowledge transferring skill of agricultural accounting volunteers, 2) to develop the curriculum for agricultural accounting volunteers in order to improve knowledge transferring skill in household accounting, 3) to validate the efficiency of the curriculum for agricultural accounting volunteers in order to improve knowledge transferring skill in household accounting, and 4) to follow up and to assess the results after implementing the developed curriculum for improving knowledge transferring skill in household accounting of the agricultural accounting volunteers. The sample group for the research can be divided into 4 target groups; 1) 10 people who are directors from Cooperative Auditing Office Region 1 to 10 attending the part of studying current situation and need to improve knowledge transferring skill of agricultural accounting volunteers, 2) 16 people who are specialists in teaching and curriculum development and boards of Cooperative Auditing Office, including finding reliability of the tool by implementing the developed curriculum with 11 people who are registered as agricultural accounting volunteers in Nakhonpathom Provincial Cooperative Auditing Office, 3) 31 people who are registered agricultural accounting volunteers in Ang Thong Provincial Cooperative Auditing Office, attending the part of validating the efficiency of the curriculum by applying it in real situation, and 4) 29 agricultural accounting volunteers who took part for a month and passed the household accounting training and 25 agricultural accounting volunteers who took part for 3 months and passed the same training, attending the part of following up and results assessment. The research tool used in collecting data includes questionnaire, training curriculum, exercise, test, assessment form for the curriculum of household accounting practicing, assessment form for the curriculum of household accounting training, and follow-up form on the implementation on the knowledge obtaining from attending the training program for agricultural accounting volunteers. The statistics used in data analysis are Efficiency of Process (E1), Efficiency of Product (E2), percentage, mean, standard deviation, paired-sample t-test, and independent sample t-test. The results of the study can be concluded as follows : 1. The study on the current situation and need to improve the knowledge transferring skill of agricultural accounting volunteers shows that at present the agricultural accounting volunteers still lack of knowledge and knowledge transferring skill as speakers. In addition, the medias used in propagating knowledge cannot motivate the learning and the number of agricultural accounting volunteer is inadequate. The cooperative auditing office concerns about the development of agricultural accounting volunteers and needs the training curriculum to pass on knowledge for agricultural accounting volunteers, including encouraging them to create training materials, learning medias and organizing activities to share and exchange knowledge within the community. 2. The development of the curriculum for agricultural accounting volunteers in order to improve knowledge transferring skill in household accounting states that the training curriculum content includes 8 topics which are 1) content analysis, 2) behavioral objective writing, 3) pedagogical psychology, 4) communication and pedagogical media application, 5) learning process, 6) pedagogical procedure and technique, 7) test and learning assessment, and 8) pedagogical planning. The specialists have evaluated the relation between behavioral objectives and content, including teaching medias and exercises. The consistency value is found higher than the criteria. The reliability value of the research tool after the curriculum being experimented showed that the reliability of KR-20 test was 0.81, while the Cronbach’s alpha coefficiency was 0.95, which was also higher than the criteria. Generally, the overall training assessment is in good level. 3. The efficiency validation of the curriculum for agricultural accounting volunteers in order to improve knowledge transferring skill in household accounting explained that the score of Efficiency of Process (E1) was calculated into percentage for 81.49 and the score of Efficiency of Product (E2) was calculated into percentage for 82.47. The scores were higher than the expected efficiency criteria. The test scores after the training of agricultural accounting volunteers has increasing average mean comparing to the test scores before the training, with the statistically significant level of 0.05. Generally, the overall training assessment is in good level. 4. The result from following up and assessment after implementing the developed curriculum for improving knowledge transferring skill in household accounting of the agricultural accounting volunteers was described as follows. The follow-up result of the agricultural accounting volunteers responsibility as speakers were conducted in 2 periods. The first period was 1 month after training and the second period was 3 months after training. The result states that the scores from conducting the test on keeping record of household accounting of the agriculturalists who attended the training on household accounting by the volunteers have passed the criteria. The average means of the tests from the first period and the second period are not different, with the statistical significant level of 0.05. This could be interpreted that within 3 months, the agricultural accounting volunteers who passed the training could transfer knowledge to the agriculturalists with no differences. The assessment of the household accounting training for the first period was generally in the highest level, while the second period was in high level. There are 25 agricultural accounting volunteers who passed the training according to the developed curriculum by the researcher and implemented the gaining knowledge as speakers. This could be calculated into percentage for 80.65 from the whole agricultural accounting volunteers who attended and passed the training.

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ. สำนักหอสมุดกลาง

Address: กรุงเทพมหานคร

Email: library@kmutnb.ac.th

Name: สักรินทร์ อยู่ผ่อง

Role: ที่ปรึกษาดุษฎีนิพนธ์

Email : skr@kmutnb.ac.th

Name: จิระศักดิ์ วิตตะ

Role: ที่ปรึกษาดุษฎีนิพนธ์

Email : jvt@kmutnb.ac.th

Name: อัคครัตน์ พูลกระจ่าง

Role: ที่ปรึกษาดุษฎีนิพนธ์

Created: 2560

Modified: 2019-07-24

Issued: 2562-07-05

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

tha

DegreeName: ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต

Level: ปริญญาเอก

Descipline: วิจัยและพัฒนาการสอนเทคนิคศึกษา

Grantor: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

©copyrights มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	B16246706.pdf	13.14 MB	137	2025-08-22 20:07:18

ใช้เวลา

0.021398 วินาที