The School Administration according to the Moving -to-ASEAN Policy of the Schools under the Jurisdiction of the Office of Yasothorn Education Service Area 1
Abstract:
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพการบริหารสถานศึกษาตามนโยบายการขับเคลื่อนการศึกษาสู่ประชาคมอาเซียน เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของข้าราชการครูที่มีต่อการบริหารสถานศึกษาตามนโยบายการขับเคลื่อนการศึกษาสู่ประชาคมอาเซียน จำแนกตามขนาดโรงเรียนและตำแหน่ง และเพื่อศึกษาแนวทางและข้อเสนอแนะการบริหารสถานศึกษาตามนโยบายการขับเคลื่อนการศึกษาสู่ประชาคมอาเซียน ของโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษายโสธร เขต 1
กลุ่มตัวอย่างทั้งหมดจำนวน 440 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามทั้งฉบับเท่ากับ .86 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่า t การทดสอบค่า F และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และตรวจสอบความแตกต่างค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผู้บริหารและครูมีความคิดเห็นต่อสภาพสภาพบริหารสถานศึกษาตามนโยบายการขับเคลื่อนการศึกษาสู่ประชาคมอาเซียน โดยรวมอยู่ในระดับมาก
2. ผู้บริหารกับครูมีความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพการบริหารสถานศึกษา ตามนโยบายการขับเคลื่อนการศึกษาสู่ประชาคมอาเซียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05 และสภาพการบริหารสถานศึกษาในบริบทประชาคมอาเซียน ตามนโยบายการขับเคลื่อนการศึกษาสู่ประชาคมอาเซียนของโรงเรียน จำแนกตามขนาดสถานศึกษา โดยภาพรวมพบว่าแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05
3. แนวทางและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสภาพการบริหารสถานศึกษาตามนโยบายการขับเคลื่อนการศึกษาสู่ประชาคมอาเซียนตามนโยบายการขับเคลื่อนการศึกษาสู่ประชาคมอาเซียนใน ดังนี้ สถานศึกษาควรสร้างความรู้ ความเข้าใจให้มากยิ่งขึ้นในการเป็นประชาคมอาเซียน และสร้างความตระหนัก ในการเป็นประชาคมอาเซียน มีการจัดหาสื่อประกอบการเรียนการสอนให้พร้อม กระตุ้นความสนใจแก่ผู้เรียน ครูต้องมีทักษะด้านภาษาโดยเฉพาะ ภาษาอังกฤษ และครูต้องมีความรู้ความเข้าใจวัตถุประสงค์การก่อตั้งกลุ่มอาเซียน สามารถจัดการเรียนการสอนที่สอดแทรกสาระเกี่ยวกับประชาคมอาเซียน สถานศึกษามีการจัดรูปแบบการสอนและวิธีการที่หลากหลาย เพื่อให้สอดคล้องกับความถนัดความสนใจ และความต้องการของผู้เรียนโดยให้ผู้สอนนำกระบวนการวิจัย มาผสมผสานหรือบูรณาการ การพัฒนาเยาวชนเพื่อเป็นทรัพยากรสำคัญในประชาคมอาเซียน สถานศึกษาควรมีการสร้างเครือข่าย ขยายรูปแบบการบริหารจัดการศึกษาในรูปแบบ การกระจายอำนาจการบริหารและจัดการศึกษา เพื่อแสวงหารูปแบบการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพ สถานศึกษาควรมีการพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีและการสื่อสาร ในการรับมือของประชาคมอาเซียน เสริมสร้างให้ท้องถิ่นเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้
The research aimed to study the states of the school administration according to the moving-to-ASEAN policy, to compare the opinions of the teachers towards the policy in question and to examine the guidelines and recommendations on the school administration of the schools under the jurisdiction of the Office of Yasothorn Education Service Area 1.
The samples were 440. The research instrument was a five-rating scale questionnaire with a confidence value equivalent to .86. Statistics used in data analysis were percentage, mean, standard deviation, t-test and F-test, one way variance analysis and paired test.
The research findings were as follows.
1. The opinions of the administrators and teachers towards the school administration according to the polity in the study were at a high level.
2. Both the school administrators and teachers held a different opinion towards the states of the administration according to the moving-to-ASEAN policy at a statistical significance of .05. The school administration as classified by the school size was overall different with a statistical significance of .05.
3. The guidelines and recommendations on the school administration according to the policy in the study were as follows. More knowledge on ASEAN was required; instructional media should be made more available; teachers were required to improve or develop the foreign language skills, especially English; teachers should understand the objectives of ASEAN and organize the teaching process accordingly; the research approach should be used in the classroom; the educational network should be established;
Decentralization of administration and educational management should be put in place to obtain more efficient model; the schools should focus on developing more skills in technology and communication and building the local communities as the learning ones