บทบาทพระสงฆ์ในการพัฒนาสังคม อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน

The Role of Monks in Social Development, Li district, Lamphun province

Name: คมกฤษ บุญป้อ

keyword: พระสงฆ์

; การพัฒนาสังคม

; จังหวัดลำพูน

Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 4 ข้อ คือ ๑) เพื่อศึกษา ระดับบทบาทพระสงฆ์ในการพัฒนาสังคม อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ๒) เพื่อเปรียบเทียบ บทบาทพระสงฆ์ในการพัฒนาสังคม อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ๓) เพื่อศึกษาปัญหา บทบาทพระสงฆ์ในการพัฒนาสังคม อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ๔) เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาและการพัฒนา บทบาทพระสงฆ์ในการพัฒนาสังคม อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน กลุ่มตัวอย่าง คือ พระสงฆ์ในอำเภอลี้ จังหวัด ลำพูน จำนวน 85 รูป โดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานและการทดสอบค่าเอฟ ( F – test) ด้วยวิธีการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One way ANOVA) โดย ใช้โปรแกรมสถิติสำเร็จรูปในการวิเคราะห์ข้อมูล ผลการวิจัยพบว่า (๑) ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง ๓๖-๔๕ ปี มีช่วงอายุพรรษา 11-15 พรรษา ระดับการศึกษาของผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่อยู่ในระดับต่ำกว่าปริญญาตรี ตำแหน่ง ทางคณะสงฆ์ของผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเจ้าคณะฯหรือเจ้าอาวาส (๒) บทบาทของพระพระสงฆ์ในการพัฒนาสังคม อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ภาพรวมอยู่ในระดับมาก ใน 3 ด้าน ผลการเปรียบเทียบบทบาทพระสงฆ์ในการพัฒนาสังคม อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล พบว่า พระสงฆ์ที่มีอายุ อายุพรรษา ระดับการศึกษา มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ส่วนตำแหน่งทางคณะสงฆ์ ไม่มีความแตกต่างกัน (๓) ปัญหาและอุปสรรคและข้อเสนอแนะบทบาทของพระสงฆ์ในการพัฒนาสังคม ด้านสังคม : วิธีปฏิบัติอย่างไรให้เกิดความน่าเชื่อถือ อันเป็นสิ่งที่แสดงออกบทบาทในการเป็นผู้นำ เพื่อนำไปสู่บทบาทของการพัฒนาชุมชนในด้านอื่นๆได้อย่างอย่างมีประสิทธิภาพ ด้านการศึกษา : การประสานงานในระบบ บวร (บ้าน วัด โรงเรียน) ขาดประสิทธิภาพขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ ด้านการถ่ายทอดการศึกษา แบบบูรณาการ ด้านวัฒนธรรม : การเผยแผ่ยังไม่ดึงดูดความสนใจของวัยรุ่น หรือคนรุ่นใหม่ และกลุ่มที่เข้าร่วมส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ส่วนกลุ่มเยาวชนมีน้อย (4) แนวทางการแก้ไขปัญหาและการพัฒนา บทบาทพระสงฆ์ในการพัฒนาสังคม อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เนื่องจากวัดเป็นสถานที่ ที่เป็นศูนย์รวมในการทำกิจกรรมของคนในชุมชน และพระสงฆ์ จะต้องประกอบด้วย การมีภาวะผู้นำของพระสงฆ์ การเป็นแบบอย่างที่ดีในทางปฏิบัติของพระสงฆ์ ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ของพระสงฆ์ การมีส่วนร่วมของคนในชุมชน และ การสนับสนุน จากองค์กรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

Abstract: This research is of 4 proposes as to 1) to study the monks’ role in each level of the social development for Li district, Lamphun province, 2) to compare the role of monk in the social development for Li district, Lamphun province, 3) to study about problems that occur with the role of monk in the social development for Li district, Lamphun province, 4) to seek the solution for solving problems and development the role of monk in the social development, Li district, Lamphun province. The study case group is monks, Li district, Lamphun province. 45 persons by choosing with specific. Tool that used for collecting the data is questionnaire and interviewing, the statistics that used for data analysis is percentage, mean, standard deviation and F-test. One-way analysis of variance (One way ANOVA) to analyze data. The research found that; (1) The respondents were between 36-45 years old. The Buddhism monastery age ranged from 11-15 years old. The bishops of the majority of respondents are primate or abbot. (2) The role of monk in each level in the social development, Li district, Lamphun province. The overall is on a medium level in two parts : the part of education and the part of culture are in the medium level. The results of the comparison of the role of monks in social development in Li district were classified by personal factors found that the age of monk, the Buddhism monastery age, education level and the position of the monk, these are significant differences in statistical significance. (3) Problems, obstructions and suggestions of the role of monks in social development: How to make the potentiality that has expressed to the role of leader that leads to the role of community development in other parts effectively. The part of education, the coordinating the system of HTS (home, temple and school) is lacked of effective and personnel knowledgeable in the transfer of the knowledge integration in the part of culture: publicizing is not attracted the attention of adolescents or new generation and the majority of participants are elder, the youth group is less.

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, สำนักหอสมุดและเทคโนโลยีสารสนเทศ

Address: อยุธยา

Email: library@mcu.ac.th

Name: ประเสริฐ ปอนถิ่น

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Name: นิกร ยาอินตา

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Created: 2560

Modified: 2561-07-29

Issued: 2561-07-29

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

tha

DegreeName: พุทธศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์

Grantor: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

©copyrights มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	MCU600212002.pdf	3.99 MB	86	2025-01-15 20:49:43

ใช้เวลา

-0.973468 วินาที