การพัฒนาตำรับนาโนอิมัลชันของสารเควอร์ซิติน

Development of quercetin in nanoemulsion form

Name: ไอศิกา รักซ้อน

ThaSH: สารลดแรงตึงผิว -- วิจัย

ThaSH: สารเควอร์ซิติน -- วิจัย

ThaSH: นาโนอิมัลชั่น

Abstract: การวิจัยนี้มีเป้าหมายในการพัฒนาสารเควอร์ซิตินให้อยู่ในรูปแบบของนาโนอิมัลชัน โดยขั้นตอนการวิจัยเริ่มต้นจากการเตรียมตัวอย่างสูตรตำรับ ที่ประกอบด้วยสารลดแรงตึง (Tween20, Tween80 และ Span80) ร่วมกับสารลดแรงตึงผิวร่วม (propylene glycol และ ethanol) มาผสมกับน้ำมันหอมระเหย (Jojoba oil และ Peppermint oil) และน้ำกลั่น จากนั้นเติมสารเควอร์ซิติน 1%w/w เป็นสารสำคัญลงไป ในอัตราส่วนตามเฟสไดอะแกรม นำไปลดขนาดด้วยเครื่อง Sonicator เลือกอัตราส่วนที่มีลักษณะโปร่งแสง ไม่แยกชั้น ไปวัดขนาดอนุภาคและความต่างศักย์ไฟฟ้าซีตาด้วยเครื่อง Nano Plus พบว่าอัตราส่วนที่มีขนาดอนุภาคเล็กที่สุดเมื่อเทียบกับอัตราส่วนอื่นๆ คือ Peppermint oil : Tw80E : H2O (2 : 4 : 4) มีขนาดอนุภาค เท่ากับ 87.9 ± 2.86 นาโนเมตร และความต่างศักย์ไฟฟ้าซีตา เท่ากับ -4.98 ± 1.39 มิลลิโวลต์ จากนั้นนำมาทดสอบการปลดปล่อยด้วยวิธี Franz Diffusion Cells พบว่า ค่าสัมประสิทธิ์การปลดปล่อย (flux) เท่ากับ 750.11 ไมโครกรัมต่อนาที.ซม.2 และเมื่อนำมาวิเคราะห์หาปริมาณสารเควอร์ซิตินด้วยเทคนิค HPLC พบว่า ความสัมพันธ์เชิงเส้น (linearity) ระหว่างพื้นที่ใต้กราฟกับความเข้มข้นสาร มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (r2) เท่ากับ 0.9998 และสมการที่ได้คือ y = 8398.7x – 9291.5 ผลการวิเคราะห์ความแม่นยำในแบบ intraday precision และแบบ interday precision พบว่า ค่าร้อยละส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานสัมพัทธ์ (%RSD) มีค่าเท่ากับ 1.29 และ 1.16 ตามลาดับ การวิเคราะห์ความถูกต้อง พบว่าค่าร้อยละการคืนกลับ (% recovery) มีค่าเท่ากับ 100.43 ± 0.003 ผลการวิเคราะห์ค่า LOD และค่า LOQ มีค่าเท่ากับ 0.90 และ 0.30 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ตามลากับ จากการวิจัยนี้ทำให้ได้ตำรับนาโนอิมัลชันของสารเควอร์ซิตินที่ดี และมีความคงตัวดี สามารถนำไปประยุกต์ใช้ทั้งทางด้านเวชสำอาง และด้านเภสัชกรรมได้

Abstract: The objective of this research was to develop quercetin in nanoemulsion form. The research process started with preparing the formulation composed of surfactant (Tween20, Tween80 and Span80) together with co-surfactant (propylene glycol and ethanol) and mixed with essential oil (Jojoba oil and Peppermint oil) and distilled water, after that quercetin 1%w/w was added to each formula in appropriate ratio by phase diagrams. Then the particle size was reduced with sonicator and selected sample ratios that had transparent in physical characteristic. When the particle size and zeta potential of samples were measured, the results showed that Peppermint oil : Tw80E : H2O (2 : 4 : 4) had the smallest particle size which was 87.9 ± 2.86 nanometers and zeta potential was -4.98 ± 1.39 millivolts. After that selected nanoemulsion was subject to evaluate the releasing property using Franz Diffusion Cell. The fluxs of releasing was 750.11 μg/min.cm2. For HPLC method validation, the coefficiency (r2) of linearity has good linear relationship between peak area and concentrations (r2 = 0.9998 and y = 8398.7x – 9291.5). The result of intraday precision and interday precision of the assay method were equal to 1.29% and 1.16%, respectively. The recovery of the accuracy assay method was 100.43 ± 0.003%. LOD and LOQ were also evaluated which were 0.90 and 0.30 μg/ml, respectively. This research prepared nanoemulsion of quercetin in a good appearance and good stability. They can be applied in cosmetics preparation and in pharmaceutical preparation

มหาวิทยาลัยรังสิต. สำนักหอสมุด

Address: ปทุมธานี

Email: rattanapornn@rsu.ac.th

Name: พิมล เรียนวัฒนา

Role: อาจารย์ที่ปรึกษา

Name: ประสาน ตั้งยืนยงวัฒนา

Role: อาจารย์ที่ปรึกษาร่วม

Created: 2559

Modified: 2022-06-24

Issued: 2561-02-20

วิทยานิพนธ์/Thesis

application/pdf

tha

DegreeName: วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต

Level: ปริญญาโท

Descipline: การแพทย์แผนตะวันออก

Grantor: มหาวิทยาลัยรังสิต

©copyrights มหาวิทยาลัยรังสิต

ลำดับที่.	ชื่อแฟ้มข้อมูล	ขนาดแฟ้มข้อมูล	จำนวนเข้าถึง	วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด
1	ISICA RUGZORN.pdf	6.79 MB	10	2021-09-20 17:07:46

ใช้เวลา

0.097065 วินาที